การผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน จากขยะอินทรีย์
การผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน
ขยะอินทรีย์ จากแหล่งชุมชนและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรปริมาณมากไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสมและนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ มีขยะมูลฝอยเชียงร้อยละ 60-80 ที่โด้รับการกำจัด ซึ่งการใช้โส้เดือนดินกำจัดขยะอินทรีย์จากบ้านเรือนเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาและลดปริมาณขยะที่เทศบาลต้องจัดเก็บไปกำจัด
การใช้ไส้เดือน ย่อยสลายขยะอินทรีย์จะได้ปุ๋ยหมักคุณภาพดี มีปริมาณฮิวมัสมาก โปร่งร่วน มีจุลินทรีย์และธาตุอาหารในรูปที่ชนำไปใช้ด้มาก เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้ของไส้เดือนช่วยเปลี่ยนแปลงธาตุอาหารพืชจากรูปแบบที่พีชนำไปใช้ไม่ด้เป็นรูปแบบที่พีชนำไปใช้ได้ทันที เหมาะสำหรับการเพาะปลูกหรือปรับปรุงดินหลังเก็บเที่ยวใช้ทดแทนสารเคมี สร้างอาชีพให้กับเกษตรารและผู้สนใจในชุมชนได้อย่างดี
สายพันธุ์ไส้เดือนดินที่เหมาะสมใช้ย่อยสลายขยะอินทรีย์
“ขี้ตาแร่” เป็นไส้เดือนดินสีแดงที่พบในที่ที่มีอินทรีย์วัตถุสูง เช่น มูลโคนม มีความยาว 2 – 5 นิ้ว ลeาตัวสีแดง ปรับตัวได้ดีมาก ในสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ จัดเป็นสายพันธุ์ที่มีความตื่นตัวสูง กินอาหารเก่งมากและแพร่พันธุ์ได้เร็ว
การผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน
- การเพาะพันธุ์ไส้เดือน (ไส้เดือนสายพันธุ์ ขี้ตาแร่ เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่นของไทย มีสีน้ำตาลแดงเข้ม ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย แพร่พันธุ์ได้ดี กินอาหารได้ดีโดยเฉพาะขยะอินทรีย์จำพวกเศษผักและผลไม้) มีต้นทุนต่ำ สร้างรายได้สูง
- ไส้เดือน 1 กิโลกรัม (ประมาณ 1,200 ตัว)
- อาหารที่ใช้เลี้ยงไส้เดือนดิน ได้แก่ อินทรียวัตถุเกือบทุกชนิดทั้งจากพืชและสัตว์ วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมูลสัตว์เคี้ยวเอื้องต่าง ๆ เช่น มูลวัว มูลควาย มูลม้า มูลสูกร(แห้ง) เศษผัก ผลไม้ (ยิ่งเน่าเปื่อยยิ่งดี) เศษอาหารบูดหรือ เศษอาหารที่ไม่มีรสเปรี้ยว เผ็ด หรือกลิ่นฉุนกากถั่วเหลือง หรือกากอาหารที่มีโปรตีนสูง หรือหญ้าที่เน่าเปื่อยสับละเอียด
- ไส้เดือน 1 กิโลกรัม ย่อยสลายอินทรีย์ 1 กิโลกรัม ภายในเวลา 4 วัน ขยะถูกกินและถ่ายออกมาเป็นมูลปุ๋ยและปุ๋ยน้ำ โดยขยะ 100 กิโลกรัม ได้มูลปุ๋ยจำนวน 70 กิโลกรัม ใช้พื้นที่ในการดำเนินการน้อย ไม่เกิดมลภาวะส่งกลิ่นเหม็น
- ตัวอย่างสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ลดค่าใช้จ่ายการกำจัดขยะปีละ 3.9 ล้านบาท ลดการใช้ปุ๋ยเคมีปีละกว่า 7 ตันต่อเดือน และสร้างงานให้ชาวเขาบนดอยกว่า 120 คน
ประโยชน์ของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน
- ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น เช่น ท้าให้ดินร่วนซุย อุ้มน้้าได้ดี
- ช่วยปรับปรุงสมดุลทางเคมี ความเป็นกรด – ด่างของดินให้ดีขึ้น
- เมื่อใส่ลงดินจะค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาให้พืชให้เรื่อยๆ
- มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากมาย เมื่อใส่ลงดินจะส่งเสริมให้จุลินทรีย์ดินด้ากิจกรรมได้ดี ท้าให้สภาพแวดล้อมรอบๆ รากพืชและดินดีขึ้น
- มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารอง และธาตุอาหารเสริมครบถ้วน
- ช่วยเร่งการออกดอกและความหวานของผลไม้ใช้ได้ดีกับพืชทุกชนิด โดยเฉพาะในไม้ดอกสี จะสวยและออกดอกมาก
ที่มา : สำนักงานพัฒนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยแม่โจ
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ