บทความเกษตร/เทคโนโลยี » กิินอาหารตามธาตุ ปรับสมดุลชีวิต โดยอาจารย์ไพโรจน์ อรรคสีวร

กิินอาหารตามธาตุ ปรับสมดุลชีวิต โดยอาจารย์ไพโรจน์ อรรคสีวร

17 มีนาคม 2022
2348   0

กินอาหารตามธาตุ ปรับสมดุลชีวิต โดยอาจารย์ไพโรจน์ อรรคสีวร

กินอาหารตามธาตุ ปรับสมดุลชีวิต

กินอาหารตามธาตุ ปรับสมดุลชีวิต





นายไพโรจน์ อรรคสีวร หรือ อาจารย์ ไพรลั่น พันธ์โลกอุดร ชีวิตแต่ก่อนนั้น กินอาหาร แบบตามใจตัวเอง เกิดโรคภัยเบียดเบียนกว่า 137 อาการ ต่อมาได้ใช้ตนเองเป็นห้องทดลองเรียนรู้ การปรับวิถีชีวิตเพื่อรักษาตนเอง จนกระทั่งอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ค่อย ๆ หายไป โดยไม่ต้องอาศัยยาจากโรงพยาบาล จากอาการระบบทางเดินอาหารล้มเหลว ถ่ายเป็นเลือดอุจจาระเป็นสีดำ ปัจจุบันมีการขับถ่ายเป็นปกติ แม้ว่าอาการบางอย่างยังไม่หายไปทั้งหมด ยังคงต้องศึกษาเรียนรู้ต่อไป แต่การกินอาหารเป็นยาสามารถทำให้มีชีวิตอยู่มาได้หลังจากนั้นกว่า 20 ปี โดยไม่ต้องพึ่งพาโรงพยาบาล ซึ่งในการทดลองและเรียนรู้ พบว่าอาหารที่กินเข้าไปนั้นมีส่วนสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก หากเลือกกินอาหารไม่เหมาะสมไม่สมดุล จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย

รู้จักธาตุในร่างกาย

โลก ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ(วัตถุธาตุ) ลม ไฟ (พลังงานธาตุ) รวมไปถึงร่างกายของคนเรา ธาตุทั้ง 4 ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป (ธาตุเจ้าเรือน) ขึ้นอยู่กับอายุ รูปร่าง บุคลิกสภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู เป็นต้น ซึ่งธาตุทั้ง 4 มี ความสำคัญดังนี้

  1. ธาตุดิน คือ ธาตุที่ประกอบเป็นโครงสร้างส่วนที่เป็นของแข็งในร่างกายสามารถมองเห็นและจับต้องได้ ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟันหนัง เนื้อ กระดูก เยื่อหุ้มกระดูก สมองหัวใจ ตับไตม้ามพังผืด ปอด ลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร กระเพาะเบา ทวารหนัก รวมทั้งหมด 20ประการ คนธาตุดินจะมีกล้ามเนื้อแน่นเป็นมัดข้อกระดูกแข็งแรง เป็นผู้ที่พูดจาหนักแน่นความจำดี อารมณ์มั่นคง หากขาดธาตุดินหรือธาตุดินพิการจะทำให้อุจจาระมีสีดำ มีกลิ่นคล้ายศพเน่า ผม ขน เล็บ ฟัน และหนัง ผิดปกติมีตุ่มผื่นเป็นแผลเน่าเปื่อย ดังนั้น ต้องกินอาหารที่เสริมธาตุดิน ซึ่งจะมีลักษณะแน่น แห้ง แข็ง มีสีขาว มีรสเค็มมัน ฝาด เฝื่อน โดยเฉลี่ยใน 1 วัน คนเราจะต้องกินอาหารธาตุดินประมาณ 62.5เปอร์เซ็นต์ของอาหาร  (ธาตุดินและธาตุน้ำรวมกัน100เปอร์เซ็นต์) 
  2. ธาตุน้ำ คือ ส่วนของร่างกายที่เป็นของเหลว ได้แก่ น้ำดี เสมหะ หนอง โลหิต เหงื่อน้ำตา มันข้น มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก น้ำไขข้อปัสสาวะ รวม 12 ประการ คนธาตุน้ำจะมีผิวพรรณเต่งตึงสดใส อ้วน อิ่มเอิบ ผมดกดำเป็นเงางาม ทนร้อนทนหนาวได้ดี พูดช้า ความรู้สึกช้าเฉื่อย หากขาดธาตุน้ำหรือธาตุน้ำพิการ จะถ่าย
    อุจจาระออกมาเป็นสีแดง (คล้ายน้ำล้างเนื้อ) กลิ่นคล้ายปลาเน่า มีมูกเมือก เสลด แผลพุพอง เป็นหนอง ปัสสาวะขุ่น มีหนองมีเลือดปน ดังนั้นควรกินอาหารธาตุน้ำเพื่อปรับสมดุล ซึ่งมีลักษณะ สดอ่อน นุ่ม เมล็ดงอก อาหารที่มีสีเขียว คราม น้ำเงินหรืออาหารที่มีรสขม จืด เย็น เปรี้ยว เบื่อเมา โดยปกติจะต้องกินธาตุดินมากกว่าธาตุน้ำ โดยให้กินอาหารธาตุน้ำ 37.5 เปอร์เซ็นต์
  3. ธาตุลม เป็นพลังงานที่แสดงหน้าที่การทำงาน ทำให้มีการเคลื่อนไหว ได้แก่ ลมที่อยู่ในทางเดินอาหาร ลมพัดในท้องนอกลำไส้ ลมพัดลงเบื้องต่ำ นับตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า ลมพัดขึ้นบนจากป ลายเท้าถึงศีรษะ ลมพั ด ทั่วร่างกายลมหายใจเข้าลมหายใจออก รวม 6 ประการ คนธาตุลม มีรูปร่างผอม โปร่ง ร่างเล็กข้อกระดูก
    สั้น ทนหนาวไม่ค่อยได้ ความจำเร็วลืมเร็วหวั่นไหวขี้กลัว แต่มีความคิดริเริ่มดี มีความกระตือรือร้นดี
    มาก หากขาดธาตุลมจะทำให้ถ่ายอุจจาระเป็นฟองสีขาว กลิ่นคล้ายข้าวบูดมีอาการหาว เรอ เมื่อยตามเนื้อตัว ร่างกายเคลื่อนไหวไม่เป็นจังหวะจึงควรกินอาหารธาตุลมซึ่งจะมีกลิ่นหอม มีรสหวานสีเหลือง ส้ม และอาหารธาตุไฟที่มีรสเผ็ดร้อนโดยที่คนเราต้องกินอาหารธาตุลมป ระมาณ 60เปอร์เซ็นต์ ธาตุลมและธาตุไฟรวมกัน 100เปอร์เซ็นต์
  4. ธาตุไฟ เป็นพลังงานความร้อนอบอุ่นหรือพลังงานที่ทำให้มีการย่อยสลาย ได้แก่ ไฟทำให้ร่างกายอบอุ่น ไฟย่อยอาหาร ไฟทำให้ร้อนภายนอก ไฟเผาผลาญร่างกายให้เสื่อมชรา รวม 4 ประการ ซึ่งรวมไปถึงไฟโลภ โกรธ หลง อีกด้วยคนธาตุไฟจะมีลักษณะเหมือนคนกำลังโกรธอยู่เสมอ หากขาดธาตุไฟจะถ่ายอุจจาระออกมาเป็นสีเขียว มีกลิ่นคล้ายหญ้าเน่า ความร้อนในร่างกายผิดปกติ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว มีไข้ตัวร้อน หนาวสั่น ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ให้รับประทานอาหารเผ็ดร้อน อาหารของคนธาตุไฟคือธาตุน้ำ

ธาตุทั้ง 4 มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตหากขาดธาตุใดธาตุหนึ่ง หรือกินอาหารไม่สมดุลจะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ การขาดธาตุหรือธาตุพิการร่างกายจะแสดงออกแตกต่างกันต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อปรับธาตุอาหาร

สีของอาหารมีผลต่อร่างกาย

กินอาหารตามธาตุ ปรับสมดุลชีวิต

สีของอาหารมีความสำคัญต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้

  • สีขาว บำรุงส่วนที่เป็นสีขาว เช่น กระดูก ฟัน เล็บสมอง ปอด ไขกระดูก เส้นเอ็น พบได้ในพืชผักผลไม้สีขาว เช่น ถั่วสีขาวต่าง ๆ งาขาว เนื้อมะพร้าว กะทิ น้ำนมข้าว เป็นต้น
  • สีเขียว ให้ออกซิเจน คลอโรฟิลล์ ให้ความสดชื่นแก่เซลล์ ช่วยบำรุงน้ำดี บำรุงตับ ช่วยรับแสงแดดมาสร้างสารอาหารที่มีประโยชน์ให้แก่ร่างกาย และทำให้ไม่ร้อนเมื่อถูกแสงแดด พบได้ในพืชผักผลไม้สี เขียวทุกชนิด เช่น ถั่วดิบ ถั่วงอก ถั่วเขียวเป็นต้น
  • สีเหลือง บำรุงม้าม สร้างน้ำเหลือง เพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย พบได้ในพืชผักผลไม้สีเหลืองทุกชนิด เช่น ถั่วพื้นบ้าน ขมิ้น แก่นขนุนมะม่วง มะปราง ขนุน ดอกคูน ดอกดาวเรือง เป็นต้น
  • สีแดง บำรุงหัวใจ และเลือด ซึ่งเปรียบเสมือนแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย พบได้ในพืชผักผลไม้สีแดงทุกชนิด เช่น ถั่วแดงพันธุ์พื้นบ้านแก่นฝาง พริก ดอกเข็มแดง ผลตำลึงสุก เป็นต้น
  • สีน้ำตาล บำรุงไต กล้ามเนื้อ ผิวหนัง พบได้ในพืชผักผลไม้สีน้ำตาล เช่น ข้าวกล้อง ถั่วสีน้ำตาล เม็ดกระบก งาสีน้ำตาล ผักเสม็ด เป็นต้น
  • สีม่วง-ดำ บำรุงตับ ตับอ่อน ผม ขน ตาดำ พบได้ใน พืช ผักผลไม้สีม่วง-ดำ เช่น ถั่วดำ งาดำมะเขือม่วง หมากเม่า ดอกอัญชัน ข้าวหอมนิลข้าวก่ำ เป็นต้น



อาหารที่ควรกินเพื่อรักษาในแต่ละโรค

จากระบบสรีระของมนุษย์นั้น พบว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืช โดยเปรียบเทียบจากเล็บที่ใช้ฉีกเด็ดไม่ใช่การตะปบ ฟันที่ใช้บด ไม่ใช่การงับฉีกและการดื่มน้ำ เป็นแบบดูด ไม่ใช่การเลีย มีระบบทางเดินอาหารที่ยาว น้ำย่อยเป็นด่างมากกว่ากรดระบบความคิดซับซ้อน มีเหตุมีผล และรู้จักความเมตตากรุณา

ส่วนประกอบของพืชที่ควรบริโภคเพื่อให้ได้ธาตุและสารอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณค่ามากที่สุดคือ เมล็ด ซึ่งเป็นอาหารหลักที่สำคัญของมนุษย์ หรือในกลุ่มของธัญพืช โดยเฉพาะข้าวเนื่องจากมีทั้งโปรตีน วิตามิน พลังงานจาก
คาร์โบไฮเดรต แป้ง และไขมัน ซึ่งต้องเป็นข้าวที่แข็งแรง เมื่อกินข้าวที่แข็งแรง จะทำให้ร่างกายแข็งแรง และข้าวที่กินนั้นต้องเป็นข้าวที่มีหลายสีหลายรส หลายพันธุ์ เพื่อให้ร่างกายได้รับธาตุและสารอาหารที่มีคุณค่า นอกจากการกินอาหารตามธาตุให้สมดุลกันแล้ว ผู้ที่เป็นโรคต่าง ๆ ก็ต้องคำนึงถึงอาหารที่จะกินด้วย ดังนี้

1. โรคเบาหวาน

การรักษาโรคเบาหวานด้วยตัวเอง โดยวิธีธรรมชาติบำบัดสามารถปรับให้เป็นวิถีชีวิตปกติได้โดยไม่ต้องกินยาที่ทำด้วยเคมี สิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยต้องเข้าใจในการฝึกควบคุมวิถีชีวิตเรื่องการกินอยู่อาหารที่ควรบริโภคให้ลดลงหรือควรงดคืออาหารที่ทำจากแป้งทุกชนิด ขนมและผลไม้ที่มีรสหวานจัด เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสังเคราะห์เป็นส่วนผสม
อาหารมันจัด ข้าวสายพันธุ์ กข ทุกสายพันธุ์ พืชผักที่อ่อนแอ เป็นพืชผักต่างประเทศ ต่างฤดู และ พืชผักที่มีสารเคมีทุกชนิด 

อาหารที่ควรกินคืออาหารที่มีรสขมเปรี้ยว จะช่วยลดน้ำตาล แต่ไม่ควรกินขมมากเพราะรสขมเป็นธาตุน้ำ จะทำให้ร่างกายเย็นอาหารไม่ย่อยและมีไข้ เมล็ดธัญพืช สมุนไพรผักผลไม้ที่แข็งแรง (ประเภทผักพื้นบ้าน) จะทำให้
ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานสูง โดยเฉพาะข้าวกล้อง ควรกินให้ได้หลายพันธุ์หลายสีกินอาหารให้ครบทุกรสในแต่ละวัน กินให้ครบทุกสีกินอาหารให้สมดุลตามธาตุและออกกำลังกาย

2. โรคภูมิแพ้ คัน โรคเกี่ยวกับผิวหนัง ฝ้า กระ

เป็นอีกโรคหนึ่งที่คนไทยเป็นค่อนข้างมากเนื่องจากสภาพแวดล้อมและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ดังนั้นให้เริ่มปรับการกินอาหารให้ถูกต้องเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถต่อสู้กับสภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษได้

กินอาหารที่มีสีแดงเพื่อบำรุงเลือดอาหารที่มีสีเหลืองเพื่อสร้างและบำรุงน้ำเหลือง เช่น ขมิ้น ข่า สมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน ช่วยขจัดลมของเสียที่ ค้างอยู่ในเลือด เนื้อมะพร้าว (ฤดูร้อน) กะทิ มะพร้าวเผา มะพร้าวคั่ว (ฤดูหนาว) ช่วยให้ผิวขาวสวยใสไม่แห้ง ธัญพืช และผักผลไม้ ทำให้แข็งแรงทนต่อสภาพแวดล้อม

3. โรคความดันโลหิตสูง น้ำหนักมาก อ้วน

โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบมากที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย โรคนี้เกิดจากการกินอาหารที่มีความมันจัด หวานจัด ดังนั้น จึงต้องลดปริมาณของอาหารมันและหวานจัด ต้องกินอาหารรสเปรี้ยวเพื่อช่วยละลายไขมันส่วนเกินให้ออกจากร่างกาย ลดหรืองดข้าวเหนียว กินน้ำพริก ผักสด ผักนึ่ง ผักตามฤดูกาล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และอบแดดเพื่อช่วยละลายไขมันส่วนเกิน

เมื่อลดละอาหารที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงแล้วต้องกินอาหารจำพวกสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน โดยเฉพาะขิง ข่า เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกาย กินข้าว ผัก ผลไม้ และเมล็ดของไม้ยืนต้นในท้องถิ่นที่มีตามฤดูกาล เช่น เมล็ดหางนกยูง เมล็ดกระบก เมล็ดก่อ (เกาลัดพื้นเมือง) เป็นต้น

4. โรคมะเร็ง

โรคมะเร็ง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ โรคนี้เกิดจากการกินอาหารไม่ถูกต้อง และจากความเครียด สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การควบคุมอาหารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ประเภทอาหารที่มีส่วนประกอบของสารเคมีเช่น ผงชูรส สีผสมอาหารที่ทำจากสารเคมี สารกันบูด-กันเสีย ผงกรอบ ผงฟู วัสดุที่ใช้ในการประกอบอาหารที่ทำไว้นานแล้ว เช่น แป้ง อาหารจำพวกเส้น หน่อไม้แห้ง เห็ดตากแห้ง พืชผักผลไม้ที่ปลูกโดยใช้สารเคมี หรือการบังคับให้ออกนอกฤดูกาลสัตว์ที่เลี้ยงโดยเร่งการเจริญเติบโต เป็นต้น

อาหารที่ควรกินควรจะเป็นอาหารตามธรรมชาติเกิดขึ้นในท้องถิ่น โดยเฉพาะการกินธัญพืชเป็นหลัก เช่น ข้าวพันธุ์พื้นบ้านหลายสีหลายสายพันธุ์ โดยเน้นสีที่เกี่ยวข้อง เช่น เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดให้กินข้าวสีแดงมากกว่าสีอื่นหรือเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ให้กินข้าวสีเหลืองเป็นหลัก และกินข้าวสีแดงรองลงมา จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าการกินอาหารมีส่วนสำคัญในการดำรงชีวิตเป็นอย่างมากหากมีการควบคุมอาหารและกินอาหารตามธาตุอย่างสมดุลแล้ว จะทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา อาจารย์ไพรลั่นได้

กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมปรารถนาให้คนที่ยังไม่ป่วย ไม่ต้องมีอาการเจ็บป่วยเหมือนผมที่เคยได้รับความทุกข์ทรมาน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสทดลอง พิสูจน์ในวิถีชีวิต ผลในระยะยาวดีกว่าการรักษาแบบแผนปัจจุบันเป็นอย่างมาก”

 

ที่มา :  สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) ริมถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงพยาบาลการุญเวช นวนคร จังหวัดปทุมธานี 12120  www. wisdomking.or.th โทร:  0-2529-2212 or 0-2529-2213, โดย อาจารย์ไพโรจน์ อรรคสีวร บรรยายในงานนิทรรศการหมุนเวียน “ธ สถิตในดวงใจ…นิรันดร์”

Facebook: ไพโรจน์ อรรคสีวร / ไพรลั่น พันธุ์โลกอุดร



บทความอื่นๆที่น่าสนใจ