9 พืชผักระยะสั้น ปลูกก็ง่าย ทานก็อร่อย ประหยัดค่าใช้จ่าย
พืชผักระยะสั้น ปลูกก็ง่าย ทานก็อร่อย
ในปัจจุบันนั้นคนหันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินต่างๆ แต่ถ้าจะให้ไปซื้อผักกิน ก็กลัวว่าจะมีสารพิษ จะปลูกกินเอง สำหรับใครที่มีพื้นที่มากพอที่จะปลูกก็น่าสนใจ แต่หากใครที่มีพื้นที่จำกัด แต่อยากลองปลูก เรามีผักที่ปลูกง่าย ใช้ระยะเวลาในการเติบโตไม่นาน และวิธีการปลูกไม่ยุ่งยาก จะปลูกกินก็ได้ ปลูกขายก็ดี
สำหรับพืชผักที่นิยมปลูกส่วนใหญ่มักจะปลูกง่าย โตเร็วและให้ผลผลิตที่เร็วด้วย วันนี้จึงขอนำเสนอ 9 พืชผักที่ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่าย แล้วยังสามารถสร้างรายได้เสริมยามว่างเว้นจากงานประจำมาฝาก
1. ต้นหอม
วิธีปลูกต้นหอม
-
- เริ่มจากการไถแปลงขนาดกว้าง 1.5 เมตร ความยาวแล้วแต่ความสะดวกในการรดน้ำ
- เมื่อไถเสร็จเราก็เริ่มเขี่ยแปลงโดยใช้คราด ให้ดินสม่ำเสมอกัน
- เมื่อแปลงเรียบดีแล้ว ก็ลงมือ ปักพันธ์ หอมลงในดินเลย ก่อนที่เราจะปักลงเราควรแกะกรีบหอมออกก่อน ระยะห่างระหว่างหัวประมาณ 3×3 ซม
- เมื่อปักพันธ์หอมเสร็จเราก็นำฟางข้าว หรือ ว่า แกลบ มาคุมแปลง เพื่อดูซับความชื่น ในแปลงผัก
- หลังจากนั้นเราก็รดน้ำ เช้า-เย็น
- เมื่อผักเริ่มงอกและลำต้นยาว ประมาณ 3 ซม ระยะนี้จะใช้เวลา 10 วัน ให้เราเริ่มใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 ปุ๋ย ชีวภาพ หรือ เคมีก็ได้ ถ้าเป็นเคมี แนะนำ สูตร 16-8-8 และก็ฉีดฮอร์โมน หรือ EM
- ควรดูแลวัชพืช ช่วงนี้ด้วย
- เมื่อผ่านไป 20 วัน เราก็เริ่มใส่ปุ๋ย ครั้งที่ 2 และก็ทำเหมือนกันกับ ขั้นตอนที่ 6 เมื่อผักมีอายุ 30-32 วัน เราก็เริ่มเก็บได้
2. ผักบุ้งจีน
วิธีปลูก : ผักบุ้งจีนเป็นผักที่หลายคนชอบรับประทาน หากเราปลูกผักชนิดนี้ไว้ ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในระยะเวลาสั้นๆ โดยวิธีการปลูกก็คือ ให้นำเมล็ดผักบุ้งจีนมาแช่ทิ้งน้ำไว้ 1 คืน แล้วห่อด้วยผ้าต่ออีก 2 คืน จะสังเกตเห็นรากของผักบุ้ง งอกออกมา ก็ให้นำไปลงปลูกในดิน 1 เมล็ด/หลุม กลบดินปิดปากหลุม แล้วรดน้ำให้ชุ่ม จะนำฟางมาคลุมหน้าดินเพื่อรักษาความชื้นไว้ก็ได้
ระยะเวลา : ใช้เวลา 20-25 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต ตัดมารับประทานได้เลย
3. ผักชี
วิธีการปลูกผักชี
- การเลือกเมล็ดพันธุ์ผักชี เมล็ดพันธุ์ผักชีที่นิยมปลูกกันเนื่องจากปลูกง่าย หาซื้อง่ายตามท้องตลาดทั่วไปและเจริญงอกงามดี ได้แก่พันธุ์ เมล็ดผักชีพันธุ์สิงคโปร์และเมล็ดผักชีไต้หวัน
- การเตรียมดินเพื่อปลูกผักชี การปลูกผักชีสามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและปลูกในแปลงดิน การปลูกในกระถางเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการปลูกรับประทานเอง และการปลูกในแปลงดินเป็นการปลูกเพื่อจำหน่าย สำหรับท่านที่ต้องการปลูกในแปลงดินควรขุดดินหรือพรวนดินขึ้นมาตากแดดไว้ก่อนสัก5-7วัน แล้วทำการพรวนดินซ้ำอีกทีนึงเพื่อให้ดินมีความร่วนและทำการผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสดคลุกเคล้ากับแปลงดิน
- เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ผักชีมาแล้ว ให้ทำการบดเมล็ดผักชีให้แตกออกเป็น2ส่วนก่อน(สำคัญมาก) แล้วจึงนำไปแช่น้ำ 1-3วัน (แนะนำ การแช่น้ำควรนำผ้ามาห่อไว้ แล้วหาอะไรกดทับให้มิดจมน้ำไปเลย) การบดเมล็ดผักชีจะทำให้ผักชีเจริญเติบโตง่ายและเร็วขึ้น ที่สำคัญเมล็ดพันธุ์ผักชีที่จะนำมาปลูกควรเป็นเมล็ดพันธุ์ผักชีที่ใหม่เพราะเมล็ดพันธุ์ผักชีเก่าที่เป็นราปลูกยังไงก็ไม่ขึ้น
- เมื่อแช่เมล็ดพันธุ์ผักชีแล้ว นำไปผึ่งลม เมื่อเมล็ดพันธุ์ผักชีเริ่มงอกก็นำไปหว่าน
- ก่อนการนำเมล็ดพันธุ์ผักไปหว่านควรรถน้ำให้ซุ่มแปลงดิน แล้วจึงนำเมล็ดพันธุ์ผักไปหว่าน และคลุมด้วยฟางข้าวบางๆ เพื่อป้องกันต้นอ่อนจากแสงแดดและรักษาความซุ่มซื้นของแปลงดิน
- การรดน้ำและการกำจัดวัชพืช ผักชีเป็นผักที่ต้องการน้ำมาก ดังนั้นควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอวันละ2ครั้ง แต่อย่ารถน้ำมากเกินไป เพราะผักชีไม่ชอบน้ำที่ขัง จะทำให้ผักชีเน่าง่าย ส่วนการกำจัดวัชพืชควรกำจัดอย่างทันที โดยใช้มือถอนได้เลย เพราะวัชพืชจะเป็นตัวแย่งน้ำจากผักชีทำให้ผักไปไม่เจริบเติบโต
- การใส่ปุ๋ยให้ผักชีหลังจากแตกใบแล้วแนะนำให้ใส่ปุ๋ยหมัก
4. ถั่วงอก
วิธีปลูกถั่วงอก
- ถังน้ำ หรือภาชนะอื่น ๆ , กระสอบป่านตัดให้เท่ากับภาชนะ, ตะแกรงพลาสติกตาถี่, กระดาษทิชชู, เมล็ดถั่วเขียว
- นำถัวเขียวมาล้างทำความสะอาดแล้วแช่ถั่วเขียวในน้ำอุ่นค้างคืนไว้ 1 คืน 2. วางกระสอบป่าน แผ่นฟองน้ำ หรือผ้าขนหนูที่ตัดไว้ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้
- โรยถั่วเขียวที่แช่ไว้ลงไปบนตะแกรง ให้เมล็ดถั่วเขียวที่แช่ไว้ลงไปบนตะแกรง ให้เมล็ดถั่วช้อนกันประมาณ 2-3 ชั้น 4
- คุมด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าเปียก ๆ
- รดน้ำทุกวันวันละ 3-4 เวลา หากไม่อยู่บ้านให้รดตอนเช้ากับตอนกลับบ้าน
- หาที่วางในที่ที่น้ำระบายได้ไม่เลอะเทอะ
- หลังจากนั้นประมาณ 3-7 ถั่วเขียวก็จะค่อย ๆ งอกออกมาเป็นถั่วงอกแล้วแหละ
ถ้าถั่วงอกได้น้ำสม่ำเสมอ รสชาติจะหวาน กรอบ วิธีที่จะทำให้ถั่วงอกอวบอ้วนคือ ให้หาอะไรหนัก ๆ มาทับชั้นบนสุดไว้ ถั่วงอกจะไม่ยืดยาวเพราะมีอะไรกดทับเขาไว้ ทำให้ถั่วงอกค่อย ๆ งอกออกมาอย่างสวยงาม
5. ผักกาดหอม
วิธีปลูกผักกาดหอม
- การเตรียมดิน การปลูกผักกาดหอมหรือผักสลัด สามารถปลูกได้หลายแบบ นิยมปลูกในถุงดินก็ได้ หรือ ปลูกในถาดหลุมก็ได้แล้วแต่จะสะดวก จากนั้นนำดิน ปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าว ผสมกันในอัตรา 1:1 จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้ในที่ร่มเป็นเวลา 7 วัน
- นำปุ๋ยที่ผสมแล้ว มาใส่ในดินหรือถาดหลุม ให้เต็มแล้วใช้ไม้จิ้มลงกลางหลุมแล้วหยอดเมล็ด ผักกาดหอมลงไป1-2เมล็ด แล้วกลบด้วยดินหรือวัสดุบาง ๆ จากนั้นรดน้ำแล้วนำไปไว้ในที่ร่มรำไร
- การรดน้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
- เมล็ดผักกาดหอมจะงอกหลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 3-5 วัน
- เมื่อครบ 7 วัน หรือมีใบ 3-5 ใบ จากนั้นนำถุงดินไปวางที่แดด เพราะผักกาดหอมเป็นพืชที่ชอบแดด
- เมื่อครบ 40-45 ก็สามารถนำมาจำหน่าย หรือ รับประทานได้เลย *คำแนะนำควรรีบตัดผักกาดหอมอย่าปล่อยให้แก่เพราะจะทำให้แข็งและขมไม่น่ารับประทาน
6. คื่นฉ่าย
ผักในตระกูลเดียวกันกับผักชีที่ให้ใบ และก้านใบ สำหรับรับประทานสด หรือนำมาประกอบอาหาร คื่นฉ่ายมีลักษณะกอ และลำต้นคล้ายผักชี แต่จะแตกต่างกันที่ขนาด และลักษณะของใบ และลำต้นที่ใหญ่กว่า คื่นฉ่ายสามารถปลูกได้หลายแบบ ถ้าพื้นที่บริเวณรอบบ้านมีขนาดไม่ใหญ่มากสามารถปลูกในกระถางก็ได้ เพียงหยอดเมล็ดลงกระถาง ให้น้ำวันละ 1 – 2 ครั้ง เช้าเย็น และรอหลังจากเมล็ดงอกประมาณ 40 – 50 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ควรทยอยเก็บให้หมดก่อนถึงระยะที่คื่นฉ่ายจะออกดอก
7. มะระ
วิธีปลูกมะระ
- ขุดหลุมบนร่องปลูกให้กว้าง และลึกประมาณ 1 ศอก ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมๆ ละ 1 กระป๋องนมข้น เอาผิวดินใส่ลงไปก้นหลุมก่อนจนหลุมตื้น แล้วจึงนำกล้ามะระลงปลูก กลบดินแต่เบาๆ การปลูกควรทำในตอนเย็น ปลูกเสร็จใช้ฟางคลุม สัก 2-3 วัน รดน้ำให้ชุ่ม หลังจากนั้นรดน้ำเช้าและเย็น ต้นมะระยิ่งโตยิ่งต้องการน้ำมาก การรดน้ำต้องทำอย่างสม่ำเสมอ คอยระวังอย่าให้หญ้าขึ้นรกแปลงด้วย หมั่นถอนหญ้า และพรวนดินกลบโคน จนกว่าต้นมะระจะโตทอดยอดเลื้อยขึ้นค้าง ก็ไม่จำเป็นต้องพรวนอีกต่อไป
- การทำค้าง ถ้าใช้ไม้ไผ่ต้องนำมาผ่าเป็นซีกเล็ก ๆ กว้างประมาณ 2-3 ซม. ยาวประมาณ 2 เมตร การผ่าไม้ทำให้เสียเวลาและแรงงานมาก แต่ไม้ไผ่และไม้รวกมีความทนทาน ใช้ทำค้างได้นานราว 3 ปี ถ้าใช้ต้นแขมทำค้างเพียงปีเดียวก็ผุพังหมด แต่ราคาถูก ในหนึ่งไร่ใช้ไม้ทำค้างประมาณ 1 หมื่นอัน
8. คะน้า
คะน้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brassica Oleracea Var alboglabra อยู่ในวงศ์กะหล่ำ (Cruciferac) หรือผักตระกูลกะหล่ำ มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชีย สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในไทยเป็นคะน้าจีน มีทั้งคะน้าใบและคะน้ายอดหรือคะน้าก้าน โดยเฉพาะคะน้าฮ่องกงที่ถูกใจคนชอบกินก้านที่สุด
วิธีการปลุกคะน้า
- เตรียมถาดพลาสติกสำหรับการเพาะปลูกคะน้า หลังจากนั้นนำดินพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 ใส่ลงในถาด
- หาเศษไม้เล็กๆ แล้วนำมากดลงไปในดิน ในถาดที่เราเตรียมจะเพาะ โดยความลึก 0.5 ซม.
- นำเมล็ดของผักคะน้าที่เราเตรียมไว้ ใส่ในหลุมที่เพาะ หลุมละ 1-2 เมล็ด
- ใส่ดินแล้วรดน้ำ
- 7-10 วันหลังจากที่เราเริ่มเพาะปลูกคะน้า ผักจะค่อยๆ เริ่มเจริญเติบโต
- พอเข้าวันที่ 20-25 ของการเพาะปลูก นำต้นคะน้ามาลงปลูกในกระถาง และพอวันที่ 45 สามารถเก็บผักคะน้าได้
9. กะเพรา
กระเพรา ( Holy basil )ใช้ทำเป็นยาอายุวัฒนะ (the elixir of life) ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและป้องกันอาการหวัดได้ (ใบ) กะเพราเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรหลายชนิด เช่น ยารักษาตานขโมยสำหรับเด็ก ยาแก้ทางเด็ก ฯลฯ รากแห้งนำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม ช่วยแก้โรคธาตุพิการ (ราก) ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ใบ) ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน(ใบ)
วิธีการปลูก
การปลูกกะเพราโดยทั่วไปมีการปฏิบัติกันอยู่ 3 วิธี ดังนี้
- ปลูกโดยการหว่านเมล็ด โดยเริ่มจากรดน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายสม่ำเสมอทั่วแปลง ใช้แกลบขาวหรือแกลบดำโรยคลุมให้ทั่วแปลง หลังจากนั้นใช้ฟางแห้งหรือหญ้าแห้งคลุมทับบางๆ เสร็จแล้วให้รดน้ำตาม และรดน้ำทุกๆ วัน หลังจากงอกประมาณ 15-20 วัน ควรทำการถอนแยกให้ได้ระยะระหว่าง 20×20 เซนติเมตร
- ปลูกโดยการใช้ต้นกล้า เป็นวิธีที่เกษตรกรนิยมปฏิบัติกันมากเพราะให้ผลผลิตสูงและสะดวกในการจัดการ โดยทำการเพาะกล้าในแปลงเพาะจนกระทั่งกล้ามีอายุ 20-25 วัน จึงทำการย้ายปลูก การย้ายปลูกควรทำในตอนเย็นและปลูกให้เสร็จภายในวันเดียวกัน เมื่อถอนต้นกล้ามาแล้วจึงเด็ดยอดออก ขุดหลุมให้ได้ระยะ 20×20 เซนติเมตร แล้วนำต้นกล้าที่เด็ดยอดแล้วลงปลูก หลังจากนั้นใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมระหว่างแถว รดน้ำตามทันทีและรดน้ำทุกวัน
- ปลูกโดยการใช้ต้นและกิ่งปักชำ การปลูกโดยใช้ลำต้นและกิ่งแก่ทำให้ได้ผลผลิตเร็ว แก่กิ่งและยอดที่แตกออกมาใหม่มักไม่สวนเท่าที่ควร ลำต้นโทรมและตายเร็ว วิธีการโดยตัดต้นและกิ่งแก่ที่มีอายุมากกว่า 8 เดือน ให้มีความยาว 5-10 เซนติเมตร เด็ดยอดและใบออก แล้วนำต้นหรือกิ่งแก่ไปปักชำในแปลง ใช้ระยะปลูก 20×20 เซนติเมตร หลังจากนั้นใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมระหว่างแถว รดน้ำตามทันที และหลังจากปลูกควรรดน้ำทุกวัน
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ