บทความเกษตร/เทคโนโลยี » ปลูกมะเขือเทศในถุงดำด้วยปุ๋ยหมักมูลแพะ ไว้รับประทานในครัวเรือน

ปลูกมะเขือเทศในถุงดำด้วยปุ๋ยหมักมูลแพะ ไว้รับประทานในครัวเรือน

25 กุมภาพันธ์ 2022
2152   0

ปลูกมะเขือเทศในถุงดำด้วยปุ๋ยหมักมูลแพะ ไว้รับประทานในครัวเรือน

ปลูกมะเขือเทศในถุงดำด้วยปุ๋ยหมักมูลแพะ

ปลูกมะเขือเทศในถุงดำด้วยปุ๋ยหมักมูลแพะ


 




         สวัดดีครับ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการ ปลูกมะเขือเทศในถุงดำด้วยปุ๋ยหมักมูลแพะ ไว้รับประทานในครัวเรือนกันแบบง่ายๆ ซึ้งหากพูดถึงอันดับผักและผลไม้ที่นิยมรับประทานของคนไทย เชื่อได้ว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมี มะเขือเทศติดโผเข้ามาอย่างแน่นอน เพราะด้วยรูปร่างน่าตาลบวกกับสีสันที่น่ารับประทานแล้ว ยังอุดมด้วยสารไลโคปีน (Lycopene) สารสีแดงที่มีสรรพคุณเป็นแอนติออกซิแดนท์ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง ทั้งยังมีวิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง ดีต่อกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงลำไส้และไต ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากรับประทานแล้ว หากนำน้ำมะเขือเทศสด ๆ มาทาใบหน้าก่อนนอน ยังสามารถช่วยให้ใบหน้ากระจ่างใส ลดความหมองคล้ำจากรอยแดดได้ จึงไม่แปลกเลยที่ มะเขือเทศเป็นผักที่คนไทยเราชอบกินกันครับ

       สำหรับการปลูกมะเขือเทศในถุงดำด้วยปุ๋ยหมักมูลแพะ นั้นก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก อีกทั้งบยังมีความปลอดภัยเพราะเป็นระบบอินทรีย์ปลอดจากสารเคมี  และยังประหยัดพื้นที่ในการเพาะปลูกด้วยครับ

ก่อนที่เราจะลงมือปลูกนั้นต้องรู้ก่อนว่ามะเขือเทศรับประทานผลสดมีหลายพันธุ์ ทั้งขนาดผลเล็กและผลใหญ่ เช่น มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศผลใหญ่ มะเขือเทศเชอร์รี่ มะเขือเทศราชินี ฯลฯ สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวเมื่อต้นมีอายุประมาณ 70-90 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ อายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมดประมาณ 4-5 เดือน




ซึ่งการที่เราจะเลือกปลูกมะเขือเทศพันธุ์ใดนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ล่ะท่านได้เล และวิธีปลูกนั้นก็ไม่ยากทำได้เช่นเดียวกับผักสวนครัวทั่วไป โดยปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดตลอดวัน ต้องพิถีพิถันเรื่องการเตรียมดินปลูกมากสักหน่อย เนื่องจากมะเขือเทศชอบดินที่มีการระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง เมื่อเริ่มต้นด้วยดินปลูกที่ดี โอกาสสำเร็จก็ยิ่งสูงครับ

เริ่มจากการเพาะต้นกล้าโดยใช้วิธีเพาะเมล็ดในถาดเพาะ  อาจจะเป็นแบบถาดธรรมดาก็ได้ ที่หาได้ทั่วไปแล้วทำการเจาะรูด้านล่าง เพื่อระบายน้ำออก แล้วนำเมล็ดพันธุ์แช่ในน้ำสะอาด ประมาณ 20 – 60 นาที แล้วนำเมล็ดมาวางในกระดาษเพาะกล้าหรือผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ แล้วจึงห่อเมล็ดด้วยกระดาษเพาะเมล็ดอีกครั้ง ด้วยถุงพลาสติกใสหรือถุงใส่แกง เก็บในที่อุณหภูมิ 28-30 องศาเซลเซียส โดยใส่ในภาชนะที่มิดชิด เช่น กระติกน้ำเพื่อรักษาอุณหภูมิ นานประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเพาะในถาดเพาะ จะทำให้อัตราการงอกดีชึ้น

เมื่อเมล็ดงอกก็คัดต้นกล้าโดยเอาต้นที่แข็งแรงและโตสม่ำเสมอได้ตามอายุ ตรงตามลักษณะสายพันธุ์ ปราศจากโรคและแมลง ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 25-30 วัน หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อนปลูกอย่างน้อย 1 วัน ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำในถุงปลูกให้ชุ่ม และย้ายกล้าในช่วงเย็น เพราะอากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด ตอนนี้ต้องระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงถุงปลูกให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า




จากนั้นรดน้ำทุกวันเช้าเย็น ด้วย มะเขือเทศเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงผลเริ่มแก่ (ผลเปลี่ยนสี) หลังจากนั้นควรลดการให้น้ำลง มิฉะนั้นอาจทำให้ผลแตกได้ และควรมีการปักค้างให้มะเขือเทศ โดยใช้ไม้หลักปักค้างต้นก่อนระยะออกดอก ใช้เชือกผูกกับลำต้นให้ไขว้กันเป็นเลข 8 และผูกเงื่อนกระตุกกับค้าง เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี สะดวกต่อการดูแลรักษา และผลไม่สัมผัสดิน สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว

และโดยเฉลี่ยเมื่อย้ายปลูกได้ประมาณ 30-45 วัน มะเขือเทศจะเริ่มออกดอก และเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 70-90 วัน การเก็บเกี่ยวต้องให้ขั้วผลติดมาด้วย เพราะผลในระยะที่ไม่แก่จัดจะทำให้ทนทานต่อการขนส่ง และเมื่อถึงมือผู้บริโภคหรือวางขายในตลาดก็จะเริ่มสุกพอดี

สรรพคุณของมะเขือเทศ

  • ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%
  • ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
  • ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน
  • ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
  • มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ
  • ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
  • ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก
  • ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อราที่ปาก
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง
  • ซอสมะเขือเทศช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังจากการหกล้มหรือถูกมีดบาดได้




ประโยชน์ของมะเขือเทศ

  • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน
  • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย
  • น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
  • ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
  • มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา
  • มะเขือเทศมีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก
  • มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
  • ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
  • มะเขือเทศใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือน้ํามะเขือเทศดอยคํา
  • เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่าง ๆ เป็นต้น
  • ซอสมะเขือเทศหมักผม ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีน
  • ซอสมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้ ด้วยนำซอสมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก
  • ซอสมะเขือเทศช่วยในการดับกลิ่นคาว เศษอาหาร กลิ่นปลาสลิดได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เปิดฝาซอสทิ้งไว้ 1 คืนเท่านั้น

แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), farmkaset.org, baanlaesuan.com, opsmoac.go.th



บทความอื่นๆที่น่าสนใจ