บทความเกษตร/เทคโนโลยี » เทคนิคการ “ปลูกมะยงชิด” ให้ผลหวานลูกใหญ่ทานอร่อย

เทคนิคการ “ปลูกมะยงชิด” ให้ผลหวานลูกใหญ่ทานอร่อย

27 มีนาคม 2021
8264   0

เทคนิคการ “ปลูกมะยงชิด” ให้ผลหวานลูกใหญ่ทานอร่อย
เทคนิคการ "ปลูกมะยงชิด" ให้ผลหวานลูกใหญ่ทานอร่อย

ปลูกมะยงชิด


เทคนิคการ “ปลูกมะยงชิด” ให้ผลหวานลูกใหญ่ทานอร่อย  นับจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนเมษายน ของทุกปี หากใครมีโอกาสเดินทางผ่านเข้าเมืองนครนายกจะพบเห็นไม้ผลลูกกลมๆสีเหลืองที่ร้อยเป็นพวงสวยงามแขวนไว้หน้าร้านตลอดสองข้างทาง แล้วต้องบอกว่านั่นคือมะยงชิด

ชื่อมะยงชิดมักถูกเรียกคู่กับมะปราง จนเกิดคำถามว่าทั้งสองอย่างเป็นผลไม้พี่น้องกันหรือ แต่หลังจากสืบค้นจนทั่วแล้วพบว่าเป็นไม้ผลกลุ่มเดียวกัน ประวัติที่มาถูกเริ่มต้นจากมะปรางก่อน จากนั้นถูกนำมาปลูกหลายแห่งจนกลายพันธุ์เป็นมะยงชิด เพราะมีรสหวาน กรอบ ผลขนาดใหญ่ เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค

แต่กระนั้นมะปรางก็ยังคงมีอยู่ เพียงแต่รูปร่างลักษณะผลเหมือนกันกับมะยงชิด เพราะฉะนั้น ความสับสนเช่นนี้คงมีชาวบ้านที่ปลูกในพื้นที่เท่านั้นที่แยกออกด้วยการชิม และไม่ว่าอย่างไรผู้คนมักรู้จักผลไม้ลูกกลมสีเหลืองนี้ว่ามะปรางหวาน-มะยงชิด

ทั้งนี้ มะปรางหวาน-มะยงชิด เป็นไม้ผลพื้นเมืองที่น่าจับตามอง เป็นที่ต้องการของตลาดสูง แถมมีราคาจำหน่ายค่อนข้างแพง เนื่องจากมีข้อจำกัดที่ออกตามฤดูกาล และมีพื้นที่การปลูกค่อนข้างน้อย

ชาวนครนายกปลูกมะปรางหวาน-มะยงชิดกันมาเป็นเวลายาวนาน จึงถือได้ว่าเป็นแหล่งมะปรางหวาน-มะยงชิดที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติและไม่แพ้จังหวัดอื่น สร้างรายได้ให้แก่ชาวสวนมากมายในช่วงฤดูกาลเพราะชาวสวนนครนายกมีการดูแลผลผลิต พัฒนาสายพันธุ์ให้มีรสชาติที่แตกต่าง ผลผลิตผลใหญ่ สีสันสดใส หวานกรอบ
เทคนิคการ "ปลูกมะยงชิด" ให้ผลหวานลูกใหญ่ทานอร่อย

เตรียมต้นพันธุ์ดียิ่งมีรากมากยิ่งดี ขุดหลุมปลูก กว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร เอาดินก้นหลุมขึ้นมาผสมกับแกลบและปุ๋ยมูลวัว คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วเอาดิน กลับลงไปรองก้นหลุม เอากิ่งพันธุ์มะยงชิดตั้งปลูก กลบดินที่โคนต้น อย่าให้ดินไปกลบรอยแผลที่ทาบเอาไว้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะทำให้ต้นไม่เจริญเติบโต รอยแผลที่ทาบไว้จะเกิดเชื้อรา ทำให้เน่าได้ ข้อสำคัญอยู่ตรงนี้ พอปลูกแล้วก็รดน้ำอย่าให้ดินโคนต้นแฉะ เพราะมะยงชิดไม่ชอบน้ำขังแฉะ จะทำให้เกิดโคนเน่า รดน้ำสังเกตพอดินชุ่มเท่านั้น

ระยะปลูก
ระยะปลูกอยู่ที่ว่าเกษตรกรมีพื้นที่มากน้อยแค่ไหน และชอบที่จะปลูกระยะไหน ปลูกได้เลย หากจะปลูกระบบร่องสวนก็สามารถปลูกได้เช่นกัน
1. ระยะปลูก 8 x 8 เมตร  ระยะปลูกนี้ปลูกได้ไร่ละ 25 ต้น

วิธีปลูกมะยงชิด

2. ระยะปลูก 6 x 6 เมตร  ระยะปลูกนี้ปลูกได้ไร่ละ 44 ต้น

3. ระยะปลูก 4 x 4 เมตร  ระยะปลูกนี้ปลูกได้ไร่ละ 100 ต้น

สำหรับปุ๋ยคอกมีการใส่ขี้ไก่เป็นประจำทุกปี จำนวนขี้ไก่ที่ใส่ไม่เท่ากันโดยจะดูจากขนาดของต้นเป็นหลัก ถ้าเป็นต้นใหญ่จะใส่ต้นละ 5-6 กระสอบ (กระสอบละ 20 กิโลกรัม) ในทุกปี ช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม เพราะจะช่วยในเรื่องการออกดอกในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม แล้วยังช่วยทำให้ได้ขนาดผลใหญ่ ถ้าหากไปใส่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่เป็นฤดูฝนแล้วผลจะเล็ก

การดูแลมะปราง มะยงชิดให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้ยุ่งยากและไม่ต้องดูแลใกล้ชิดมาก เหมือนกับไม้ผลชนิดอื่นๆ ส่วนเรื่องโรคและแมลง ที่เป็นศัตรูกับมะปราง มะยงชิด ก็มีไม่มาก อาจมีบ้างในช่วงออกดอกที่มีเพลี้ยไฟเข้ามาทำลาย ดังนั้น ภายหลังที่ดอกบานแล้วสัก 4 วัน จะฉีดพ่นยาฆ่าเพลี้ยไฟสัก 2 ครั้งเท่านั้น ส่วนการให้ปุ๋ยและการให้น้ำก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ให้สัมพันธ์กับทรงพุ่มเท่านั้นเอง

การให้ปุ๋ยและการกำจัดศัตรูพืช

หลัง จากลง ปลูกพอต้นตั้งตัวได้ประมาณ 3 เดือน ใส่ปุ๋ยคอกเล็กน้อย 3 เดือนใส่ครั้ง ใช้วิธีใส่น้อยๆ แต่บ่อยครั้ง ปุ๋ยคอกควรเป็นปุ๋ยมูลวัว วิธีใส่ให้โรยรอบๆ ทรงพุ่ม ไม่ต้องขุดดินทำเป็นร่องเวลาใส่ปุ๋ยจะทำให้รากฝอยของต้นขาดได้ เวลาขุดใช้วิธีหว่านปุ๋ยให้รอบต้นจะดีกว่า

ปีแรกมะยงชิดจะไม่ค่อยโต เท่าไรนัก สาเหตุอาจจะต้องให้เวลาการปรับตัวของต้นบ้าง แต่พอปีที่สองที่สาม ต้นจะโตเร็วมาก หลังลงปลูกปีที่ 3 ต้นก็จะให้ผลผลิตแล้ว เมื่อสวนเป็นคราวแรกปล่อยไปตามธรรมชาติก่อน พอรุ่งขึ้นอีกปีถึงจะเก็บผลผลิตขาย

เมื่อถึงปีที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิต . แนะนำว่า ในช่วงเดือนมีนาคมให้ใส่ปุ๋ยคอก แล้วก็ตัดแต่งกิ่ง เอากิ่งไม่ดีในทรงพุ่มออก ตัดแต่งให้ในทรงพุ่มโล่งพอสมควร ใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงดินให้ต้นสมบูรณ์ที่สุดก่อนจะมีผลให้เก็บเกี่ยว ครั้นถึงเดือนกันยายนหรือกลางเดือนตุลาคม ใส่ปุ๋ย สูตร 8-24-24 ให้เต็มที่อีกครั้ง ถึงตอนนี้ต้นจะสมบูรณ์มาก ใบเขียวเข้มเป็นมัน พอหมดฝนอากาศหนาวมาเยือน มะยงชิด มะปราง กระทบอากาศหนาว อุณหภูมิราว 20-23 องศาเซลเซียส ประมาณ 7-8 วัน ต้นจะแทงช่อดอกออกมาทันที

เมื่อติดช่อ ดอกแล้ว ให้ฉีดยาป้องกันเชื้อรา 1 ครั้ง พอดอกพัฒนาเป็นผลจุดเล็กๆ ฉีดยาอีกครั้ง โตขนาดเมล็ดถั่วเขียวฉีดยาอีกครั้ง รวมแล้วประมาณ 3 ครั้ง ปล่อยให้ผลโตขนาดผลมะเขือพวง ฉีดยาป้องกันเพลี้ยไฟไรแดง พร้อมกับฮอร์โมน แคลเซียม โบรอน ใครมีสูตรบำรุงผลดีๆ ก็เอามาฉีดตอนนี้แหละ ฉีด 1-2 ครั้ง ก็พอแล้ว หยุดฉีด ปล่อยให้ผลเจริญเติบโตนั้นจากวันแทงช่อดอกเรื่อยไป 75 วัน สามารถเก็บผลขายได้เลย ทางดินช่วงผลโตขนาดมะเขือพวง ใส่ปุ๋ย สูตร 8-24-24 อีกครั้ง ก่อนเก็บ 10-15 วัน ให้งดการให้น้ำเพื่อให้เนื้อมะยงชิดมีรสหวาน

มะยงชิด ใน 1 ปี จะติดดอกประมาณ 2 รุ่น คือ อากาศหนาวมาเยือนครั้งแรกต้นจะติดดอกรุ่นหนึ่ง และถ้าอากาศหนาวลงมากระทบต้นก็จะติดดอกอีก รวมแล้วสามารถเก็บได้ 2 รุ่น ใน 1 ปี  รุ่นที่ 2 นั้นมีมะยงชิดดกมาก หลังเก็บผลผลิตหมด ก็ตัดแต่งกิ่ง ถึงเดือนมีนาคมราวกลางเดือนใส่ปุ๋ยคอกบำรุงต้น เพื่อให้สร้างผลผลิตในปีต่อไป

สำหรับแมลงวันทองศัตรูมะยงชิดนั้น . บอกว่า ที่สวนของตนไม่มี เพราะทำสวนให้สะอาด ให้โล่งเตียน ไม่ให้มีเปลือกหรือผลตกหล่นตามสวนไว้เป็นที่เพาะพันธุ์แมลงวันทอง

การทาบกิ่งมะยงชิด

เริ่มต้นจากการเพาะเมล็ด จนเกิดเป็นต้นอายุ 1 ปี แล้วถอนขึ้นมาล้างน้ำ นำมาชำในถุงพลาสติกขนาด 3 คูณ 5 นิ้ว ที่อัดด้วยขุยมะพร้าว จากนั้นปล่อยให้ต้นฟื้นตัวก่อนแล้วค่อยนำไปขึ้นทาบ

การทาบกิ่งมะยงชิด

หลังจากทาบได้ 25-30 วัน ให้สังเกตว่าหากกิ่งต้นตอที่ทาบไม่ตาย ต้องจัดการควั่นเพื่อตัดท่อลำเลียงอาหาร แต่ถ้ามียอดอ่อนที่กิ่งก็ให้รอจนกว่ายอดจะแก่จึงค่อยตัดลงมา ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงจะตัดได้ และหลังจากตัดลงมาก็ต้องเปลี่ยนถุงแล้วดูแลต่ออีก 3 เดือน เพื่อให้ต้นพันธุ์แข็งแรงพร้อมขาย

นอกจากนั้นยังบอกต่ออีกว่า มะยงชิดจะให้ผลผลิตได้ในปีไหนขึ้นอยู่กับขนาดกิ่งพันธุ์ที่ใช้ปลูก ถ้ากิ่งเล็กที่สูงสักเมตรจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี แต่ถ้าใหญ่กว่านั้นจะใช้เวลาสั้นมาก หรือแม้แต่ต้นโตที่ปลูกในตะกร้ายังสามารถออกผลได้อีกด้วย

วิธีเก็บมะยงชิด

แนวทางแบบดั้งเดิมคือการสุ่มชิมผลในแต่ละต้น ทั้งนี้เขาชี้ว่า ความไม่แน่นอนเรื่องสีผิวคงไม่สามารถบอกได้ว่ามะยงชิดสุกพร้อมเก็บได้รึยัง เนื่องจากบางปีผิวสีเขียวมีรสหวาน หรือบางปีผิวเหลืองก็ยังไม่หวาน ฉะนั้น ในแต่ละปีจึงต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ ยิ่งถ้าอุณหภูมิสัก 20 องศา จะทำให้ออกดอกดีมาก หรือถ้าอากาศหนาวเย็นแล้วมีฝนตกตามมายิ่งทำให้ดอกดก แล้วปีนั้นจะมีผลผลิตมากตามมาด้วย

ผลผลิตมะปราง-มะยงชิดรุ่นแรกจะเริ่มประมาณเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นรุ่นต่อมาจะเริ่มแตกดอกออกผลตามมาเป็นระยะจนกว่าจะถึงเดือนเมษายน ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ถึง 4 รุ่น กว่าจะวาย ทั้งนี้ ต้นที่มีขนาดใหญ่มากจะเก็บด้วยการใช้ไม้สอย หรือปีนต้นแล้วใช้กรรไกรตัดที่ขั้วกิ่งเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของผล

อย่างไรก็ตาม ผลมะปราง-มะยงชิดที่ยังไม่ถึงเวลาเก็บขายจะต้องห่อผลเพื่อชะลอไม่ให้สุกเร็ว เป็นการดึงเวลาขายให้นานขึ้น อีกทั้งยังเพื่อป้องกันแมลงศัตรูเข้ามาทำลายผลด้วย ดังนั้น ผลที่ห่อจึงมีผิวเรียบสวยไร้รอยตำหนิ ทำให้สามารถขายได้ราคาสูงและเป็นที่ต้องการของตลาด

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.technologychaoban.com/


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ