วิธีปลูกเมลอนในกระถาง เริ่มเพาะต้นกล้า จนผลสุกพร้อมกิน
วิธีปลูกเมลอนในกระถาง
เมล่อน เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบร้อนของทวีปแอฟริกา จึงไม่ชอบอากาศหนาวเย็นจัด แต่ชอบอากาศอบอุ่น แต่ไม่ร้อนจัด อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการปลูกแตงอยู่ที่ 25- 35 องศา แต่ไม่เกิน 43 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน และ 18-20 องศาเซลเซียส ในเวลากลางคืน ดังนั้นฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกเมล่อนในประเทศไทยจึงเป็นปลายฤดูฝนหรือฤดูฝนหนาว สำหรับฤดูการอื่นๆ นั้นเราก็สามารถปลูกเมล่อนญี่ปุ่นได้เช่นกัน แต่จะต้องดูแลมากกว่าปกติซักเล็กน้อย
หากเมล่อนเจอกับอากาศหนาวเย็นจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโตได้ตั้งแต่ระยะต้นกล้า การออกดอกติดผลจะล่าช้า และถ้าอากาศยิ่งหนาวจัด ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ต้นเมล่อนอาจจะหยุดการเจริญเติบโตได้ ในทางกลับกันต้นเมล่อนก็ไม่ชอบอากาศที่ร้อนจัดจนเกินไป ถ้าอุณหภูมิเกินกว่า 40-43 องศาเซลเซียส เมล่อนมักจะสร้างแต่ดอกตัวผู้ ไม่มีดอกตัวเมีย หรือถ้ามีดอกตัวเมียก็จะร่วงง่ายไม่ติดผล ปัญหาจากสภาพแวดล้อมของอากาศที่สำคัญสำหรับการปลูกเมล่อนอีกประการหนึ่งคือฝน
ถ้าต้นเมล่อนถูกน้ำฝนบ่อย หรือสภาพในโรงเรือนมีความชื้นสูง อาจทำให้เกิดโรคราน้ำค้างได้ เนื่องจากเมล่อนเป็นพืชที่มีใบกว้าง ใหญ่และมีขน เมื่อสัมผัสกับน้ำฝนจะเกิดหยดน้ำค้างบนใบอยู่เสมอ แห้งยาก จึงเป็นสภาพที่อำนวยให้เกิดการเข้าทำลายของเชื้อราน้ำค้างบนใบได้ร่วมกับสภาพอากาศที่เย็นและชื้นหลังฝนตก โรคนี้จึงระบาดมากในฤดูฝน เป็นโรคสำคัญที่ทำความเสียหายมากสำหรับพืชในวงศ์แตง จึงต้องดูแลควบคลุมมิให้เกิดการระบาดตั้งแต่เนิ่นๆ และหากสามารถควบคุมได้ ทั้งโรคจากเชื้อรา และจากแมลงต่างๆ โดยการวางแผนการปลูก (เว้นระยะห่างให้มากกว่าฤดูอื่นๆ) และการมีวินัยในการป้องกันที่ดีแล้วก็จะสามารถสร้างผลผลิตได้ไม่ต่างจากฤดูกาลอื่นๆ
วิธีปลูกเมลอนในกระถาง เริ่มเพาะต้นกล้า จนผลสุกพร้อมกิน
1. การเพาะเมล็ด
- ปูทิชชู่ในถาดสักสองสามชั้น
- เรียงเมล็ดให้เป็นแถวสวยงามโดยหันด้านแหลมของเมล็ดไปทางเดียวกันซึ่งด้านนี้แหละเอมบริโอหรือรากของน้องเมลล์มันจะงอกออกมา
- ใส่น้ำบนถาดพอทิชชู่เปียก
- นำทิชชู่มาปิดทับและราดน้ำให้เปียก
- เก็บถาดไว้ในที่มืดหนึ่งคืน

- ถาดเพาะขนาด 50 หลุม
- ปากกาเอาไว้จิ้มทำหลุม
- แหนบเอาไว้คีบเมล็ด
- เมล็ดที่แช่ไว้หนึ่งคืนจนรากงอก
- ดินหรือพิชมอส

– เอาปากกาจิ้มทำหลุมลึกสัก 3 เซนติเมตรโดยประมาณ


- ถ้างอกมาสามใบจะกลายเป็น”ใบตอง”
- ยกออกมารับแดดทุกวันเพื่อความแข็งแรงของต้นกล้า
- ระวังอย่าให้ดินแห้งไปหรือแฉะไป

- รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยและ
- ผสมดินกับมะพร้าวสับและขุยมะพร้าวอัตราส่วน 1:1:1
- ตอนย้ายจากถาดเพาะไประวังรากขาด
- ย้ายกล้าตอนเย็นจะดีแต่จำเหตุผลไม่ได้
- ย้ายเสร็จรดน้ำพอเปียก
- เรียงกระถางให้เรียบร้อย
- เตรียมวางระบบน้ำหยดกันต่อไป


- ตัดใบที่1-7ออกโดยประมาณเพื่อไม่ให้ใบปิดดินแสงจะได้ส่องถึงดินกันเชื้อราที่อาจเกิด
- เด็ดแขนงออกด้วยและเก็บเเขนงที่8-12เอาไว้ออกลูก



- เก็บไว้แต่ลูกโตๆ
- เก็บไว้ต้นละลูกสองลูกตามความเหมาะสม
- ลูกโตพร้อมจำหน่าย
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ