12 จุดสำคัญ ตรวจเซ็กรถทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกล
หลายๆคนที่ได้เตรียมการเดินทาง ไม่ว่าจะในระยะใกล้หรือในระยะไกล สิ่งสำคัญในการขับขี่อยู่ที่ความพร้อมของผู้ขับขี่ และความพร้อมของรถยนต์ด้วย จะต้องมีการตรวจเช็คให้ดี ก่อนที่จะออกเดินทางเพื่อเพิ่มความมั่นใจความปลอด ภัยในการใช้รถได้มากขึ้น
-
แบตเตอรี่และระบบสายไฟในรถ
หัวใจหลักสำคัญของการสตาร์ทรถนั่นคือเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ ให้ทำการตรวจดูสภาพของแบตเตอ รี่ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดีหรือไม่ เพื่อความปล อ ด ภัยในการขับขี่ การเดินทางในทุกๆครั้ง
-
ระบบไฟต่างๆ
ให้ตรวจเช็คอยู่เสมอว่าไฟทุกด ว งยังคงมีการใช้งานได้ตามปกติ ทั้งในช่วงเวลากลางวันและเวลากลางคืน ไฟหน้า ไฟท้ายรถ ไฟเลี้ยว ไฟฉุก เฉิน ไฟตัดหมอก ซึ่งจะต้องตรวจเช็ค ให้ครบทุกจุด ว่ามีแสงสว่าง ไม่มัว ยิ่งเดินทางไกลในช่วงเวลาตอนกลางคืนนั้น ระบบไฟถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการเดินทาง
-
การใช้งานแตรรถ
ในส่วนของแตรรถที่หลายๆคนซื้อรถมา อาจจะใช้แบบนับครั้งได้เลย และหลายคนก็มักจะมองข้ามกันไป ในส่วนนี้ไม่ค่อยที่จะได้เช็คกัน แต่หากถึงเวลาที่จะต้องใช้จริงๆนั้น มีความสำคัญมากๆ ควรตรวจเช็คแต่ว่ามีเสียงดัง ใช้งานได้ตามปกติก่อนที่จะออกเดินทาง
-
ที่ปัดน้ำฝน
การเดินทางและยิ่งในช่วงหน้าฝนนั้น ที่ปัดน้ำฝนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในเวลาการขับขี่ จะต้องมีการตรวจเช็คว่ามีการทำงานที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพใช้งานได้ดี
-
น้ำมันเบรก
ตรวจเช็คน้ำมันเบรคไม่ให้ต่ำกว่าระดับในเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ เพราะน้ำมันเบรคนั้นมีหน้าที่ในการช่วยให้เบรกทำงานได้ดี มีความหล่อลื่นได้ดี เมื่อเราใช้เบรคไปนานๆน้ำมันเบรคไม่พอและเบรกจะมีการสึกหรอได้ เพราะฉะนั้นแล้วควรที่จะตรวจเช็คน้ำมันเบรคด้วยเป็นสิ่งที่ สำคัญมากๆ
-
อะไหล่สำรอง
อะไหล่สำรองเตรียมเอาไว้ให้มีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอ เมื่อได้เกิดเหตุที่ ฉุก เฉินขึ้นมานั้น จะได้ใช้การได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นยางอะไหล่รถยนต์ แม่แรง ตัวขันต่างๆ อุปกรณ์ต่างๆจะต้องเตรียมเอาไว้เผื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
-
ระบบปรับอากาศ
อากาศที่ร้อนๆของบ้ า นเรานั้น เครื่องปรับอากาศในรถเป็นสิ่งที่ขาด กันไปไม่ได้เลย หากวันไหนที่ขับรถไประบบปรับอากาศมีปัญหาแอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับ คงนั่งอยู่ในรถไม่มีความสุขแน่ๆ เราควรเปลี่ยนกรองแอร์ในทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตร เพื่อที่จะให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา
-
ระบบเบรกของรถ
เช็คระบบเบรคโดยทำการขับบนถนนโล่งๆ ด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อ ชม.และเหยียบเบรคให้เต็มแรง หากรู้สึกว่ายังมีแรงส่งเบรคแบบถี่ๆ แสดงว่ายังใช้งานได้ตามปกติ แต่ถ้าเกิดว่ามีเสียงดังขึ้นมาแสดงว่าระบบเบรคมีปัญหา ควรที่จะเข้าศูนย์เพื่อเช็คในขั้นตอนต่อไป
-
น้ำมันเครื่อง
ระดับกรองน้ำมันเครื่องนั้นจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม เราสามารถตรวจเช็คได้จากการวัดของตัวน้ำมันเครื่องขณะเดินทาง ควรมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถเอาไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เพื่อที่จะได้ใช้ในยามมีเหตุฉุกเฉิน
-
ยางรถยนต์
เหตุส่วนใหญ่บนท้องถนนนั้นเกิดจากยางขณะขับขี่ เพราะฉะนั้นแล้วอย่างที่ดีจะต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานไม่รั่วและไม่ซึม เติมลมยางตามที่คู่มือประจำรถกำหนดเอาไว้ ล้ออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ไม่คด ไม่มีเบี้ยว
-
สายเข็มขัดนิรภัย
ตรวจเช็คเข็มขัด นิรภัยที่นั่งอยู่เสมอในทุกๆครั้ง ว่ายังแน่นและยังล็อคได้ใช้งานได้ตามปกติ
-
ระบบน้ำ
ระบบน้ำก็ควรที่จะตรวจเช็คให้เรียบร้อยด้วยเช่นกัน ว่ายังอยู่ในระดับที่กำหนดเอาไว้หรือไม่ รวมถึงในหม้อน้ำว่ามีเศษอะไรตกลงไปหาก มีให้เราออกให้เรียบร้อย จะได้ไม่อุดตันได้
การขับรถ นอกจากความพร้อมของตัวผู้ขับขี่แล้ว สภาพของรถก็จะต้องพร้อมในการขับขี่ด้วยเช่นกัน ควรที่จะตรวจดูสภาพให้เรียบร้อยดีทุกๆอย่าง เพื่อความปลอ ด ภั ยของตัวคุณ รวมถึงผู้ที่ใช้รถบนท้องถนนด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก :autospinn, krungsriautobroker
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ