แนวทางการปลูกพืชในพื้นที่จำกัด
เป็นการปลูกพืชที่ไม่มีพื้นที่ดิน หรือมีพื้นที่แต่สภาพดินไม่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืช โดยมีแนวทางและวิธีการดังนี้
- การปลูกพืชแนวตั้ง โดยการสร้างโครงให้ยึดเกาะและทำกรอบ เพื่อจำกัดทิศทางให้พืชเจริญเติบโตไปในทิศทางที่เราต้องการ และควรตั้งในจุดที่ได้รับแสงแดดไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน หลีกเลี่ยงลมแรง และปลูกไว้ใกล้ๆที่มีแหล่งน้ำ ชนิดพืชที่ปลูกควรมีระบบรากไม่ลึก เช่น ผักกาด ผักสลัด พริก แตงกวา เป็นต้น
- การปลูกพืชในภาชนะ ภาชนะที่ใช้ ได้แก่ กะละมัง กระถาง ยางรถยนต์ ถังน้ำ กระสอบ กระป๋อง ขวดน้ำ ฯลฯ ที่ไม่ใช้ นำมาตัดปาก ตัดกันหรือทำขอบเพื่อความคงทนและสวยงาม ชนิดพืชที่ปลูก ควรเลือกให้เหมาะสมกับภาชนะที่ใช้ เช่น กะละมัง ยางรถนต์ ขวดน้ำ ควรมีระบบรากตื้น หากเป็น ถังน้ำ กระสอบ บ่อซีเมนต์ พืชที่นำมาปลูกควรมีระบบรากลึกปานกลาง
- การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ (ผักไร้ดิน) แบบง่าย โดยใช้มูลสัตว์ นำมาหมักทำสารละลาย เช่น สารละลายจากน้ำหมักมูลสุกร
วิธีการเตรียมน้ำหมักมูลสุกร
- ถังพลาสติก 200 ลิตร เติมน้ำเปล่าเกือบเต็มถัง
- มูลสุกรแห้ง 30 กิโลกรัม ใส่ถุงตาข่ายนำไปแช่ในถังที่เตรียมไว้ กดให้จม ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง (อย่าแช่ให้นานกว่านี้ มูลสุกรจะเน่า) เมื่อครบ 24 ชั่วโมง นำมูลสุกรออกจากถัง
- หมักน้ำมูลหมูต่ออีก 5-7 วัน จึงจะได้สารละลายมูลสุกร สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์
วิธีการใช้สารละลาย
- เตรียมกระบะสำหรับปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
- เตรียมละลาย โดยใช้น้ำสะอาด 50 ลิตร น้ำมูลสุกร 50 ลิตร ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 จำนวน 100 กรัม พืชที่ปลูก คือ กวางตุ้ง ผักกาด หากเป็น คะน้า ผักบุ้ง ต้องใช้ปุ๋ยเคมี 200 กรัม
- ปลูกผักตามปกติ ถ้าสารละลายในกระบะปลูกยุบให้เติมมูลสุกรหมักเท่าที่น้ำยุบ
- ใช้สารละลายมูลสุกรหมัก 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นผักที่เราปลูกทุกๆ 5-7 วัน
- ให้สังเกตดูว่า ถ้าผักมีใบเหลือง ชะงักการเจริญเติบโตให้เติมปุ๋ยสูตรเสมอ ครั้งละ 100 กรัม ทุก 5 วัน
ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ