4 สูตรน้ำหมักชีวภาพ เร่งการเจริญเติบโต
สูตรน้ำหมักชีวภาพ
น้ำหมักชีวภาพ (bio-extract) หรือที่หลายคนเรียกว่า ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือปุ๋ยน้ำหมัก ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้เคยจัดพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ำหมักชีวภาพมากมายหลายสูตรจากทั่วประเทศ และพบว่า น้ำหมักชีวภาพส่วนใหญ่มีคุณสมบัติเป็นปุ๋ยน้อยมาก โดยส่วนใหญ่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมน (สารกระตุ้นการเจริญเติบโต) มากกว่า ซึ่งถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง จึงควรเป็น “น้ำหมักชีวภาพ”
วัสดุอุปกรณ์
- ถังน้ำหมักที่มีฝาปิดสนิท ควรเป็นถังพลาสติก หรือกระเบื้องเคลือบ ไม่ควรใช้ถังประเภทโลหะหรือปูนซิเมต์เพราะน้ำหมักจะเข้าไปกัดกร่อนภาชนะ
- น้ำตาล สามารถใช้น้ำตาลได้ทุกชนิด อาทิ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง กากน้ำตาล ฯลฯ โดยเฉพาะกากน้ำตาล ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำตาลชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากอุตสาหกรรมน้ำตาล นอกจากนี้อาจใช้พืชจำพวกอ้อยได้เช่นกัน
- ส่วนผสมกับน้ำตาล
– เศษซากพืชสด อาทิ พืชอวบน้ำอวบน้ำ ผัก ผลไม้ทั้งแก่และอ่อน รวมทั้งเปลือกผลไม้ ฯลฯ
– เศษซากสัตว์สด อาทิ หอยเชอรี่ ปลา ปู ฯลฯ
– พืชสุมนไพรเพิ่มประสิทธิภาพ อาทิ สะเดา ไหลแดง หนอนตายอยาก ตะไคร้หอม ฯลฯ
โดยทั่วไปส่วนผสมของการผลิตน้ำหมักชีวภาพ ถ้าใช้สูตรที่เป็นเป็นเศษซากพืช จะใช้ส่วนผสมระหว่างเศษซากพืชสดกับกากน้ำตาล อัตราส่วน 3 : 1
แต่หากเป็นเศษซากสัตว์ จะใช้อัตราส่วนระหว่างเศษซากสัตว์กับกากน้ำตาล อัตราส่วน 1 : 1
สูตรที่ 1 สำหรับพืชกินใบ
วัสดุประกอบด้วย
- พืชสด และ 2) กากน้ำตาล อัตราส่วน 3 : 1
วิธีทำ
- ใช้พืชที่มีลักษณะสด ใหม่ สมบูรณ์ อวบน้ำ โตเร็ว ไม่มีโรค (เน่า) ทุกส่วนๆ ละไม่มากนัก จากพืชหลายๆ ชนิด ทั้งพืชที่กินได้และวัชพืช
- นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดละเอียดให้ได้ปริมาณ 3 ก.ก. แล้วบรรจุเศษพืชที่ได้ลงในภาชนะ และเติมกากน้ำตาลลงไป 1 ลิตร คนหรือเขย่าให้เข้ากัน
- ให้เศษพืชจมอยู่ในกากน้ำตาลตลอดเวลา ปิดฝาภาชนะ เก็บไว้ในที่มืด อุณหภูมิห้องนาน 7 วัน สามารถนำไปใช้ได้
การปฏิบัติระหว่างการหมัก เขย่าภาชนะที่หมักพร้อมกับเปิดฝา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เมื่อครบ 7 วัน ให้ดมกลิ่น ถ้าหอมหวานแสดงว่า “ดี” สามารถนำไปได้ ถ้าบูดเปรี้ยวแสดงว่า “ไม่ดี” ให้แก้ไขด้วยการเติมกากน้ำตาล หรือของที่ใส่ครั้งแรกแล้วหมักต่ออีก 3 วัน ถ้ามีกลิ่นหอมหวานก็แสดงว่า “ดี” ถ้ามีกลิ่นบูดเปรี้ยวอีกให้เติมน้ำตาลอีกแล้วหมักต่อไปจนกว่าจะมีกลิ่นหอมหวาน เมื่อได้น้ำหมักที่ดีแล้วให้เก็บไว้ในที่มืดภายใต้อุณหภูมิห้อง
เก็บได้นาน 6 เดือน – 1 ปี ระหว่างเก็บหากมีกลิ่นบูดเปรี้ยวให้เติมกากน้ำตาลลงไป
อัตราและวิธีการใช้น้ำหมักชีวภาพ
- พืชผักสวนครัว พืชไร่ ไม้ผลยืนต้น ให้ทางใบ อัตราส่วน 15-20 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร ทุกๆ 5-7 วัน ควบคู่กับให้ทางราก 30-50 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร ทุกๆ 15-20 วัน
- เตรียมดินแปลกปลูก หรือหลุมปลูกไม้ผล อัตราส่วน 30-50 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร ผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- ใช้แทนสารเร่งปุ๋ยหมัก อัตราส่วน 75-100 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร พรมลงบนวัสดุทำปุ๋ยหมัก
- กำจัดน้ำเสียโดย อัตราส่วน 75-100 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร ราดให้ทั่วบริเวณน้ำเสียหรือในคอกปศุสัตว์
- เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความงอกของเมล็ดพันธุ์ อัตราส่วน 15-20 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร แช่เมล็ดพันธุ์พอท่วมก่อนเพราะเป็นเวลา 12 ชั่วโมง
การต่อเชื้อน้ำหมักชีวภาพ ใช้หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน กากน้ำตาล 1 ส่วน น้ำสะอาด 10 ส่วน ผสมให้เข้ากันดี ปิดฝาภาชนะเก็บไว้ในที่มืด ภายใต้อุณหภูมิห้อง นาน 3 วัน ตรวจสอบกลิ่นตามครั้งแรก
เคล็ดลับ เรื่องน้ำหมักชีวภาพ หลังการหมัก 3 วันแรก เปิดฝาออกดูถ้ามีแก๊สพุ่งออกมาแสดงว่า มีส่วนผสมดีพยายามเปิดฝาระบายแก๊สบ่อยๆ ถ้าไม่เปิดภาชนะที่หมักอาจระเบิดได้ กรณีถ้าไม่มีกากน้ำตาลสามารถใช้น้ำตาลทรายแดงได้ โดยเพิ่มปริมาณน้ำตาลแดงเป็น 1 ส่วน : เศษพืช 1 ส่วน การใช้น้ำหมักชีวภาพทางราก ควรใช้ควบคู่ไปกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเสมอ โดยการใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก 6 เดือน/ครั้ง
สูตร 1 เหมาะสำหรับพืชกินใบ ตัวอย่างพืชสดสูตร 1 ผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักขม ผักเสี้ยน หน่อไม้ฝรั่ง ยอดชะอม ยอดกระถิน ยอดมันเทศยอดมะม่วง ยอดมะยม ผักตำลึงและผล เถาขี้กาและผล เงาะป่าและผล ใบยอและผล ฯลฯ
สูตรที่ 2 สำหรับพืชผักกินดอกผล
วัสดุประกอบด้วย
- ผลไม้สุก (ฟักทองแก่, มะละกอทั้งเนื้อและเมล็ด กล้วยน้ำว้า บวบเหลี่ยม มะเขือเทศ)
- พืชสด (ช่วงใบแก่อ้วนเอาทั้งปลายยอดและปลายราก) และ
- กากน้ำตาล อัตราส่วน 2 : 1 : 1
วิธีทำและการปฏิบัติ
กระทำเช่นเดียวกับ สูตรที่ 1 แต่ให้ได้ตามอัตราส่วนที่กำหนด
อัตราและวิธีการใช้
- สูตร 2 เหมาะสำหรับพืชผักที่ใช้กินดอกผล เช่น กะหล่ำดอก แตงโม แตงกวา แตงเทศ แคนตาลูป ถั่วฝักยาว ถั่วแปบ ถั่วพี ถั่วเหลือง มะรุม น้ำเต้า กุ๋ยช่าย บวบต่างๆ มะเขือต่างๆ ฟักทอง ฟักเขียว พริกต่างๆ
- ใช้อัตราส่วน 0.5 – 20 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบทุก 5 – 7 วันต่อครั้ง
- ใช้อัตราส่วน 30 – 50 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร ราดทางดินสลับการฉีดทางใบ 5 – 7 วันต่อครั้ง จะทำให้ดินร่วนซุย
- สูตร 2 นี้ ใช้จนถึงระยะออกดอกติดผลก็ได้
สูตร 2 เหมาะสำหรับพืชผักกินดอก กินผล ตัวอย่างผลไม้สุก สูตร 2 สับปะรด แตงโม กล้วย ละมุด มะเขือเทศ บวบ ขนุน มะม่วง ฝรั่ง มะละกอดิบและสุก มะระดิบและสุก มะเฟือง มะกรูดผ่าซีก ฯลฯ
สูตรที่ 3 สำหรับพืชผัก ผลไม้ พืชไร่ นาข้าว
วัสดุประกอบด้วย
- พืชสด (สูตร 1)
- พืชสดและผลไม้สุก (สูตร 2)
- ปลาเป็นๆ หอยเชอรี่ ไข่หอยเชอรี่ กระดูกป่น
- ตัวเสริม (ขี้เด็กทารก ขี้ไก่ค้างคอน ขี้นกปากห่าง ขี้เป็ดกินหอย ยาคูลท์ โยเกิร์ต กระทิงแดง ระลำเอียด) และ
- กากน้ำตาล ผสมในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 : เล็กน้อย : พอท่วม
วิธีทำ
เตรียมวัสดุในการทำนำหมักสูตร 1 และ สูตร 2 ตามอัตราส่วนที่กำหนด นำปลาสด (ทั้งตัว) หอยเชอรี่ ไข่หอยเชอรี่ มาบด โขลก สับให้ละเอียด เพื่อง่ายในการย่อยสลาย บรรจุเศษพืช เศษปลา เศษหอยที่บด โขลก สับละเอียดแล้วลงภาชนะ (ควรเป็นโอ่งหรือภาชนะพลาสติกไม่แนะนำให้ใช้โลหะ) แล้วเติมกากน้ำตาลลงไป คลุกเคล้าพอคลุกคลิก เติมนำมะพร้าวอ่อน คลุกเคล้าลงไปอีกเพื่อให้มีน้ำมากขึ้นพอท่วมเศษวัสดุ คนหรือเขย่าให้เข้ากัน ให้เศษพืชจม อยู่ในกากน้ำตาลตลอดเวลา ปิดฝาภาชนะเก็บไว้ที่มืดอุณหภูมิห้องนาน 7 วัน ก็สามารถนำไปใช้ได้
การปฏิบัติต่อปุ๋ยน้ำชีวภาพระหว่างการหมัก ปฏิบัติตามสูตร 2 จนถึงขั้นตอนสุดท้าย
สูตรที่ 4 สำหรับไม้ผล
วัสดุ/อัตราส่วน ประกอบด้วย
-
- พืชสด 5 ส่วน
- ผลไม้ผล 1 ส่วน
- ผลไม้สุก 1 ส่วน
- ปลาน้ำจืด 1 ส่วน
- ไข่หอยเชอรี่ 1 ส่วน และ
- เหง้ากล้วย 1 ส่วน
วิธีทำ
เติมกากน้ำตาลพอท่วม เติมขี้ไก่ค้างคอน 2 ส่วน เติมน้ำมะพร้าวอ่อน/รำละเอียด/อุจจาระเด็กทารกในปริมาณเล็กน้อย โดยห้ามนำไปฉีดผัก เพราะจะทำให้ผักกระด้าง
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง
-บทความทางวิชาการ เรื่อง การทำ น้ําหมักชีวภาพ และสมุนไพร โดย คุณพิณซอ กรมรัตนาพร นักวิชาการเกษตร ชํานาญการ ระดับ 8 สถานีฟาร์มฝึกนักศึกษา คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น,http://www3.oae.go.th/rdpcc/images/filesdownload/km/Knowledge/productions/2.6.pdf,สูตรน้ำหมักชีวภาพ เร่งการเจริญเติบโต
http://www.banrainarao.com/knowledge/biofer_10,http://oknation.nationtv.tv/blog/sonorwut/2013/11/02/entry-2
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ