แหล่งปลูกที่เหมาะสม
เนื่องจากกระชายนั้นเป็นพืชดั้งเดิมของชาวเขา จึงเชื่อกันว่ากระชายที่ดี มีคุณภาพ จะต้องปลูกบนพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 500-700 เมตร เจริญเติบโตและลงหัวได้ดีในดินร่วนทราย มีการระบายน้ำดี ไม่ชอบน้ำขัง ไม่ชอบแดดจัด ชอบแดดร่มรำไร เกษตรกรจึงนิยมปลูกกระชายดำระหว่าง แถวไม้ยืนต้น แต่ก็ยังไม่มีข้อมูล ยืนยันว่าปลูกกลางแจ้งกับปลูกในที่ร่มรำไรมีผลแตกต่างกันอย่างไร ทั้งใน ด้านคุณภาพและการเจริญเติบโต
วิธีการปลูกกระชา
การเตรียมพันธุ์กระชายสำหรับปลูก
- โดยการใช้หัวแก่จัดมีอายุประมาณ 11-12 เดือน ปราศจากเชื้อโรค เก็บไว้ในที่แห้งและเย็นนาน ประมาณ 1-3 เดือน ก่อนเก็บรักษาควรจุ่มหัวพันธุ์ในสารป้องกันกำจัดเชื้อรา โดยใช้ไดโฟลาแทน 80 หรือ แมนเซ็ทดี ผสมน้ำอัตรา 2-4 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร (1 ปี๊บ) ในพื้นที่ 1 ไร่จะใช้หัวพันธุ์ประมาณ 200-250 กิโลกรัม ขึ้นกับระยะปลูก และขนาดของหัวด้วย
การเลือกหัวพันธุ์
- ควรจะใช้พันธุ์ที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากในน้ำหนักที่เท่ากันกับหัวขนาดใหญ่ หัวขนาดเล็กจะปลูกได้ มากกว่าและควรเลือกหัวพันธุ์ที่มีสีดำหรือม่วงเข้ม ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด
ฤดูปลูก
- เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม และจะเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคม-มกราคม กระชาย จะมีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 8-9 เดือน
การเตรียมดินปลูกกระชาย
ก่อนทีจะมีการไถเตรียมดินนั้น ควรหว่านปูนขาวในอัตรา 100-150 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อฆ่าเชื่อโรคที่อยู่ในดิน หลังจากนั้นจึงไถกลบปูนขาวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 วัน เนื่องจากเป็นดินร่วนปนทราย เกษตรกรอาจไถ เพียงครั้งเดียว ก่อนปลูกควรยกเป็นแปลง (ไม่ต้องสูงนัก) ความกว้างของแปลง 1.50-2.0 เมตร ความยาวไม่จำกัด
กระชาย สามารถขึ้นได้ดีในดินทุกชนิด โดยเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดีไม่ท่วมขัง การเตรียมดินควรไถพรวนตอนต้นฤดูฝน และควรมีการยกร่องปลูกโดยมีระยะห่างระหว่างแถว 75 ซม. ระหว่างต้น 30 ซม.
การปลูกการเตรียมเหง้าพันธุ์กระชาย
- คัดเลือกหัวพันธุ์ที่มีอายุ 7-9 เดือน มีตาสมบูรณ์ ไม่มีโรคแมลงทำลาย
- แบ่งหัวพันธุ์โดยการหั่น ขนาดของเหง้าควรมีตาอย่างน้อย 3-5 ตาหรือแง่ง มีน้ำหนัก 15-50 กรัม
- แช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง มาลาไธออน หรือคลอไพรีฟอส 1-2 ชั่วโมง ตามอัตราแนะนำ
- ชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกัน กำจัดเชื้อราก่อนปลูก
การเตรียมหัวพันธุ์กระชาย การปลูกใช้ท่อนพันธุ์มี 2 ลักษณะคือหัวแม่และแง่ง
- การปลูกโดยหัวแม่ควรมีน้ำหนักประมาณ 15-50 กรัม/ หัว
- การปลูกด้วย แง่งพันธุ์มีปล้อง 7-9 ปล้อง / ชิ้น น้ำหนัก 15-30 กรัม ยาว 8-12 ซม.
ก่อนปลูกกระชายหัวพันธุ์ควรแช่ด้วยยาป้องกันเชื้อรา และยาฆ่าเพลี้ยโดยแช่ไว้ประมาณ 30 นาทีการปลูกควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 50 กก. / ไร่ และวางท่อนพันธุ์ กลบดินหนาประมาณ 5-10 ซม. ขมิ้นจะใช้เวลาในการงอก ประมาณ 30-70 วัน หลังปลูก
การปลูกกระชาย
ใช้หัวพันธุ์ที่เตรียมไว้แล้วแยกหัวโดยหักออกเป็นข้อๆ ตามรอยต่อระหว่างหัว ฝังกลบดินให้มิดแต่ ไม่ลึกนัก โดยใช้ระยะปลูกระหว่างแถว X ระหว่างหลุม 0.20 X 0.25 เมตร หรือ 0.25 X 0.30 เมตร ปลูกเสร็จแล้วใช้แกลบหว่านกลบบางๆ อีกชั้นหนึ่ง
การดูแลรักษา
การใส่ปุ๋ย
- ใช้ปุ๋ยคอกมูลไก่ผสมแกลบรองพื้น ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 25-30 กิโลกรัมต่อไร่ หากดิน มีความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว อาจใช้แกลบที่ได้จากการรองพื้นเล้าไก่ก็เป็นการเพียงพอ โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี
การกำจัดวัชพืช
- วัชพืชในไร่กระชายไม่ค่อยมีปัญหามากนัก เนื่องจากกระชายมีระยะปลูกถี่ใบ สามารถคลุมดิน ป้องกันการงอกของเมล็ดวัชพืชได้ดี หากมีความจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชออกให้หมดจากแปลง
การเก็บเกี่ยว
- อายุเก็บเกี่ยวของกระชายดำ ประมาณ 8-9 เดือน ซึ่งจะเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคม-มกราคม ในช่วงนี้ สังเกตดูใบจะเริ่มแก่มีสีเหลืองและแห้งตายลงในที่สุด
ประโยชน์กระชาย
กระชายมีคุณสมบัติบำรุงร่างกาย มีรสชาติเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมระเหยอ่อนๆ ที่สำคัญยังเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดไปดูประโยชน์และสรรพคุณของกระชายเพิ่มเติม ได้ดังนี้
- บำรุงผมให้สุขภาพดี
– ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมแห้งเสียหรือเส้นผมอ่อนแอ กระชายเป็นตัวเลือกที่ดีในการบำรุงเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ช่วยแก้ปัญหาผมขาวให้กลับมาดกดำ ทำให้ผมบางกลับกลายมีเป็นผมหนานุ่มได้อีกครั้ง สามารถจัดการปัญหาผมร่วงและผมหงอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ต่อต้านการอักเสบ
– กระชายมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่ช่วยต้านการอักเสบ การรับประทานกระชายอย่างต่อเนื่อง จะได้รับผลเหมือนกับการทานยาแอสไพริน โดยจะช่วยแก้ปัญหาการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกายได้ดี ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายแข็งแรงมากขึ้น - เพิ่มพลังให้ร่างกาย
– กระชายสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังได้ โดยการนำกระชายมาปั่นแล้วดื่ม กระชายมีคุณสมบัติเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกมีพลัง รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยพลังงาน - ใช้รักษาโรคทั่วไป
– ประโยชน์ของกระชายมีมากมายหลายด้าน ซึ่งใช้เป็นยารักษาโรคได้หลายขนาน เช่น บำรุงสมอง แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ บำรุงตับ รักษาโรคกระเพาะ ทำให้ไตแข็งแรง ช่วยป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ แก้อาการแน่นหน้าอก และแก้โรคในปาก เช่น ปากแห้ง ปากเปื่อย เป็นต้น - ใช้ลดน้ำหนัก
– กระชายสามารถใช้ในการลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาวิจัยในประเทศเกาหลีใต้พบว่า การรับประทานกระชายวันละ 300 – 600 มิลลิกรัม จะมีรอบเอวและไขมันต่ำลดลงภายใน 12 สัปดาห์ - บำรุงลำไส้
– เหง้ากระชายมีรสชาติเผ็ดร้อน สามารถใช้บรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อได้ นอกจากนี้ กระชายยังมีสารซิเนโอเล ที่มีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องลดลง และยังใช้เป็นยารักษาริดสีดวงได้ด้วย - แก้อาการบิด
– เราสามารถใช้เหง้าและรากของกระชายมาใช้รักษาอาการบิด ถ่ายเป็นมูกเลือดได้ นอกจากนี้ กระชายยังมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ และยังใช้เป็นยารักษากลากเกลื้อนได้อีกด้วย - ส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศ
– สมุนไพรอย่างกระชาย สามารถช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศให้ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ยา เนื่องจากกระชายมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ เพิ่มปริมาณและความหนาแน่นของอสุจิ ทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้องชายไม่แข็งแกร่ง การทานกระชาย จะทำให้สุขภาพทางเพศดียิ่งขึ้น