การเลี้ยงแพะเนื้อเพื่อผลิตพันธุ์จำหน่าย เสริมอาชีพหลัก
“การเลี้ยงแพะเนื้อเพื่อผลิตพันธุ์จำหน่าย เสริมอาชีพหลัก” แพะเป็นสัตว์เลี้ยงง่ายให้ผลตอบแทนเร็วโดยเฉพาะ แพะเนื้อ หรือ แพะขุน อีกอย่างยังลงทุนน้อย เนื่องจากแพะสามารถใช้พืชอาหารหยาบและวัสดุเหลือใช้พืชอาหารหยาบและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่มีในท้องถิ่นเป็นอาหารได้แล้วแต่พื้นที่ สำหรับการเลี้ยงแพะสามารถใช้แรงงานภายในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะ ปัจจุบันปริมาณแพะพันธุ์ดี มีไม่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร หรือ พ่อค้าคนกลางที่รับซื้อ เพื่อที่จะนำไปใช้เลี้ยงเป็นพ่อพันธุ์ – แม่พันธุ์ เนื่องจากมีเกษตรกรให้ความสนใจและหันมาเลี้ยงแพะกันมากขึ้นทุกพื้นที่ ทั่วประเทศแล้ว และยังมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อถึงบ้าน เพื่อรววบรวมแพะให้นายทุน ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย จึงทำให่ปริมาณเพะไม่เพียงพอต่อความต้องการ และราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาดู วิธีการเลี้ยงแพะเนื้อเพื่อผลิตพันธุ์จำหน่าย กันครับ
ความพร้อมของเกษตรกรผู้ที่จะเลี้ยงแพะ

- เกษตรกร หรือ ผู้ที่สนใจ คิดที่จะเริ่มเลี้ยงแพะนั้น ควรมีประสบการณ์ หรือ มีความรู้และมีความตั้งใจจริงในการผลิตแพะพันธุ์ดี
- เกษตรกรต้องมีความพร้อมในด้านพื้นที่ โรงเรือน ที่ใช้ในการเลี้ยงแพะพร้อมทั้งแรงงาน และ มีแหล่งพืชอาหารหยาบหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรสำหรับใช้เลี้ยงแพะอย่างเพียงพอ เช่น กระถิ่น , หญ้า, ฟางข้าว หรือ อื่นตมามความเหมาะสมของแต่ล่ะพื้นที่
- ควรมีการจัดการเลี้ยงในลักษณะกลุ่มหรือมีเครือข่ายด้านการตลาดที่ชัดเจน เพื่อรองรับแพะที่เราเลี้ยง
- จำเป็นจะต้องรู้เทคโนโลยีและกระบวนการเลี้ยง และ ดูแลจัดการเบื้องต้นด้วย
สายพันธุ์แพะที่นิยมเลี้ยง
เรื่องของ สายพันธุ์แพะเนื้อ ที่นิยามเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายนั้น ได้แก่ แพะพันธุ์พื้นเมือง แพะพันธุ์แองโกลนูเบียน และพันธ์บอร์ นั้นเอง ซึ่งในการเลี้ยงของเกษตรกรผุ้ที่สนใจนั้น สำหรับพ่อพันธุ์ ควรเป็นแพะพันธุ์แองโกลนูเบียน หรือ พันธุ์บอร์ ซึ่งรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรงมีความสมบูรณ์ และควรมี อายุ 1 ปี ขึ้นไป ส่วนแม่พันธุ์ ควรเป็นพันธุ์พื้นเมือง หรือพันธุ์ลูกผสมแงโกลนูเบียน หรือพันธุ์บอร์ ที่มีลักษณะลำตัวยาว เต้านมโตหัวนมยาวสมส่วน ปริมาณน้ำนมมาก ความสามารถในการผสมติดสูง และให้ลูกแฝด ทำให้ขยายพันธุ์ได้เร็ว คืนทุนไว
เกร็ดความรู้**
- แพะพันธุ์พื้นเมือง แพะพันธุ์พื้นเมืองในภาคใต้ มีสีหลากหลาย ส่วนใหญ่พบว่ามีสีดำ น้ำตาล หรือน้ำตาลสลับดำ แพะโตเต็มที่เพศเมียนมีความสูงตรงปุ่มหน้าขาประมาณ 48.5 ซม. มีน้ำหนักตัวประมาณ 12.8 – 16.4 กก. แพะพันธุ์พื้นเมืองไทยมีลักษณะคล้ายกับแพะพันธุ์กัตจัง (Kambing Katjang) พันธุ์พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย
- แพะพันธุ์แองโกลนูเบียน (Anglonubian) เป็นแพะที่ให้ทั้งเนื้อและนม มีหลายสี ทั้งสีเดียวในตัวและสีด่างปัน สันจมูกเป็นเส้นโค้ง ใบหูยาวปรกลง นำเข้ามาเลี้ยงและขยายพันธุ์ในไทยกว่า 20 ปี
- แพะพันธุ์บอร์ (Boer) เป็นแพะพันธุ์เนื้อขนาดใหญ่ จากประเทศแอฟริกาใต้ มีลำตัวสีขาว หัวและคอจะมีสีแดง ใบหูยาวปรก นำเข้ามาเมื่อปลายปี 2539
- แพะพันธุ์ซาเนน (Saanen) เป็นแพะพันธุ์นม สีขาวทั้งตัว หูใบเล็กตั้ง หน้าตรง
- แพะพันธุ์หลาวซาน (Laoshan) เป็นแพะพันธุ์นม จากประเทศจีน มีลักษณะคล้ายพันธุ์ซาเนน
- แพะพันธุ์อัลไพน์ (Alpine) เป็นแพะพันธุ์นม สีน้ำตาลหรือดำ ใบหูเล็กตั้ง หน้าตรง มีแถบสีข้างแก้ม
- แพะพันธุ์ทอกเก็นเบิร์ก (Toggenburg) เป็นแพะพันธุ์นม ลำตัวสีช็อกโกแบต ใบหูตั้ง หน้าตรง มีแถบสีขาวข้างแก้ม
โรงเรือนเลี้ยงแพะและอุปกรณ์

- โรงเรือนที่ใช้เลี้ยงแพะ พื้นที่ตั้งคอกควรยกสูงกว่าพื้นดินประมาณ 1-2 เมตร และ มีบันไดขึ้นลงเป็นทางลาดเอียงสำหรับขึ้นลงพื้นประมาณ 45 องศา
- พื้นคอกควรทำเป็นร่องเว้นระยะห่าง 1.5 เซนติเมตร เพื่อเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
- ผนังคอกควรสร้างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ความสูงประมาณ 1.5 เมตร ควรมีรั้วกั้นที่แข็งแรง เพื่อป้องกัน ไม่ให้แพะกระโดดข้าม
- สำหรับหลังคาโรงเรือน สามารถสร้างได้หลายแบบให้เหมาะสมกับสภาพอากาศหรือต้นทุนในการสร้าง แต่ควรให้หลังคาโรงเรือนสูงจากคอกประมาณ 2 เมตร
- พื้นที่ในการเลี้ยงแพะ แพะแต่ละตัวต้องการพื้นที่ส่วนตัวละ1-2 ตารางเมตร หรือแล้วแต่ขนาดตัวของแพะ สามารถแบ่งคอกในโรงเรือนได้ตามการใช้งานต่างๆอาทิ คอกแม่แพะอุ้มท้อง, คอกสำหรับคลอดลูกแพะ, คอกสำหรับลูกแพะ เป็นต้น
อาหารและการให้อาหาร

แพะเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องคล้ายโค อาหารหลักตามปกติของแพะ คือ อาหารหยาบ เช่นหญ้าสดต่างๆ ใบไม้ และพืชตระกูลถั่ว หรือ ไม้พุ่ม เช่น ใบพุทรา ใบปอสา ใบมะขามเทศ เป็นต้น ในการเลี้ยงแพะพันธุ์ควรเสริมอาหารข้นเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้แพะ เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีขึ้น
การจัดการเลี้ยงดูแพะ
ต้นทุนและผลตอบแทน
สำหรับการเลี้ยงแพะพันธุ์ดี 1 ชุด ประกอบด้วย พ่อพันธุ์ 1 ตัวแม่พันธุ์ 10 ตัว
ด้านต้นทุน
ด้านผลตอบแทน
จะเริ่มจำหน่ายแพะในปีที่ 2 ได้ประมาณ 20 – 30 ตัว โดยเป็นแพะลูกผสมอายุ 1 ปี มีน้ำหนักประมาณ 25 – 30 กิโลกรัม ราคาจำหน่ายกิโลกรัมละ 100 บาท ขายได้ตัวละ 2,500 – 3,000 บาท จะมีผลตอบแทนประมาณ 50,000 – 60,000 บาทต่อปี ทั้งนี้ต้นทุนและผลตอบแทนในการเลี้ยงจะแตกต่างกันไปตามแหล่งเลี้ยง และภาวะการณ์ตลาดของแต่ละพื้นที่
แหล่งข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม
- เอกสารคำแนะนำ “การเลี้ยงแพะ” กรมปศุสัตว์ โทร. 0-2653-4444 ต่อ 2431
- สำนักพัฒนาการปศุสัตว์และถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมปศุสัตว์ โทร. 0-2653-4471
- กลุ่มวิจัยและพัฒนาสัตว์เล็ก กองบำรุงพันธุ์สัตว์ กรมปศุสัตว์ โทร. 0-2653-4453
- ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์/สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์ ในพื้นที่ใกล้เคียง
- สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ www.opsmoac.go.th
- สำนักกสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยที่ 1 – 9
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ