สาระน่ารู้ » ขาบวม สัญญาณเตือนโรคร้ายที่คุณอาจมองข้าม

ขาบวม สัญญาณเตือนโรคร้ายที่คุณอาจมองข้าม

17 มีนาคม 2025
147   0

ขาบวม สัญญาณเตือนโรคร้ายที่คุณอาจมองข้าม

ขาบวม สัญญาณเตือนโรคร้ายที่คุณอาจมองข้าม

อาการขาบวมอาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นจากการเดินมากเกินไป หรือการยืนนานๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาการนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่คุณคาดไม่ถึง? หากปล่อยไว้โดยไม่สนใจ อาการขาบวมอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ มาทำความเข้าใจกับสาเหตุของขาบวม ประเภทของอาการ และวิธีรับมืออย่างถูกต้องกันเถอะ!

“ขาบวม เท้าบวม” สัญญาณเตือนโรคร้าย ที่คุณควรเฝ้าระวัง

อาการติดเชื้อ

การติดเชื้อที่กำลังพูดถึงมีชื่อว่า “เซลลูไลติส” ซึ่งเป็นการติดเชื้อในผิวหนังชั้นลึก รวมถึงเนื้อเยื่อไขมัน-เนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ด้านล่าง ส่งผลให้ขาหรือเท้าบวม ส่วนใหญ่มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน

โรคไต

ต้องอธิบายก่อนว่าหน้าที่หลักของไต คือควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย รวมถึงปรับระดับเกลือและแร่ธาตุต่าง ๆ ในเลือดให้มีความสมดุล กรณีที่ไตทำงานผิดปกติ ไม่สามารถฟอกเลือดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บริเวณขา เท้า และมือบวม นอกจากนี้ยังมีภาวะปัสสาวะตอนกลางคืนค่อนข้างบ่อยร่วมด้วย

ภาวะหัวใจล้มเหลว

“ภาวะหัวใจล้มเหลว” นับเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบได้มากที่สุด เนื่องจากการที่คุณขาหรือเท้าบวม อาจเกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณเกิดภาวะบวมน้ำ โดยส่วนใหญ่จะบวมบริเวณเท้าและข้อเท้า

ขา/เท้าบวม มีกี่แบบ อะไรบ้าง ?

สำหรับอาการขาและเท้าบวมในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ มีรายละเอียดดังนี้

1. บวมแบบกดแล้วบุ๋มค้าง

การบวมแบบกดแล้วบุ๋มค้าง มี 5 สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่

  • แพ้ยา หรือสารต่าง ๆ
  • บวมน้ำ เนื่องจากร่างกายมีน้ำหนักมากเกินไป
  • หลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน
  • ผลข้างเคียงของยา
  • ได้รับอุบัติเหตุหรือการติดเชื้อ

2. ได้รับอุบัติเหตุหรือการติดเชื้อ

วิธีการทดสอบ คือ ให้ใช้นิ้วกดบริเวณที่บวมประมาณ 5-10 วินาที เมื่อยกนิ้วออกบริเวณดังกล่าวไม่เป็นลักษณะบุ๋มค้าง แต่เป็นเนื้อแข็ง ๆ รวมถึงผิวหนังบริเวณดังกล่าวมีสีคล้ำและหนาขึ้น สาเหตุอาจเกิดจากการอุดตันของทางเดินน้ำเหลือง แนะนำให้พบแพทย์ เพราะอาจเป็นภาวะติดเชื้อได้

เพิ่มเติม..

ภาวะบวมน้ำ (Edema)

ภาวะบวมน้ำเป็นภาวะที่เนื้อเยื่อในร่างกายมีของเหลวสะสมอยู่ในปริมาณมากจนส่งผลให้เกิดอาการบวม โดยผู้ที่มีอาการขาบวมจากภาวะบวมน้ำจะมักพบอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ผิวหนังบริเวณขาตึงและมันวาว เดินลำบาก และผิวหนังจะเกิดรอยบุ๋มนานผิดปกติก่อนจะกลับสู่สภาพเดิมหลังจากถูกจิ้มค้างเอาไว้

อาการบาดเจ็บ

การได้รับการบาดเจ็บ ไม่ว่าจากอุบัติเหตุ หรือโรคบางชนิด ก็อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการบวมได้เช่นกัน โดยตัวอย่างโรคที่อาจเกี่ยวข้องกับการอักเสบก็เช่น

  • โรคเก๊าท์ ซึ่งเกิดจากการที่มีผลึกกรดยูริคสะสมตามข้อ
  • รูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นโรคที่เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติไปโดยการไปทำลายเนื้อเยื่อตามข้อ
  • ภาวะความดันในช่องปิดของกล้ามเนื้อสูงขึ้น (Compartment Syndrome) เป็นภาวะที่ระดับความดันในกล้ามเนื้อเพิ่มสูงผิดปกติ โดยลักษณะอาการเด่น ๆ ก็เช่น กล้ามเนื้อยื่นหรือบวมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง รู้สึกคล้ายมีเข็มทิ่ม
  • ข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อระหว่างข้อต่อกระดูกหรือกระดูกอ่อนเริ่มเสื่อมสภาพลง

อาการขาบวมที่ควรระวัง

หากคุณมีอาการขาบวมร่วมกับอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

  • ขาบวมข้างเดียว ร่วมกับอาการปวด แดง ร้อน (อาจเป็นสัญญาณของลิ่มเลือดอุดตัน)
  • ขาบวมร่วมกับหายใจลำบาก (อาจเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจล้มเหลว)
  • ขาบวมและมีอาการตัวเหลือง ท้องบวม (อาจเกี่ยวกับโรคตับ)
  • ขาบวมเรื้อรัง และมีแผลที่หายช้า (อาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน)

ขาบวม สัญญาณเตือนโรคร้ายที่คุณอาจมองข้าม อาการขาบวมอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงสำหรับบางกรณี หากคุณพบว่าขาบวมผิดปกติ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคและทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น!


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ