สาระน่ารู้ » การเคลมประกันรถยนต์ ใช้เวลานานแค่ไหน และมีขั้นตอนอย่างไร?

การเคลมประกันรถยนต์ ใช้เวลานานแค่ไหน และมีขั้นตอนอย่างไร?

12 มีนาคม 2025
67   0

การเคลมประกันรถยนต์ ใช้เวลานานแค่ไหน และมีขั้นตอนอย่างไร?

การเคลมประกันรถยนต์

การเคลมประกันรถยนต์


อุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว การเคลมประกันรถยนต์ ก็กลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายคนอาจกังวลกับขั้นตอนที่ยุ่งยากและระยะเวลาที่ยาวนานในการเคลมประกัน ทำให้เกิดความไม่สะดวกและเสียเวลา บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนและระยะเวลาในการเคลมประกันรถยนต์ เพื่อให้คุณรู้ไว้เคลมไว ไม่เสียเวลา และสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างราบรื่น

ประเภทการเคลมประกันรถยนต์: เคลมสด vs เคลมแห้ง

การเคลมประกันรถยนต์เป็นกระบวนการที่ผู้เอาประกันสามารถขอความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายกับรถยนต์ของตนเอง ซึ่งโดยทั่วไปสามารถแบ่งการเคลมออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ เคลมสด และ เคลมแห้ง ซึ่งแต่ละแบบมีเงื่อนไข ขั้นตอน และรายละเอียดที่แตกต่างกัน

เคลมสด คืออะไร?

     เคลมสด คือ การแจ้งเคลมทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่ประกันเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อบันทึกข้อมูลและดำเนินการเอกสารเคลมให้ถูกต้อง

กรณีที่สามารถใช้เคลมสดได้

  • มีคู่กรณี (รถชนกัน หรือชนสิ่งของที่เป็นทรัพย์สินของผู้อื่น)
  • มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
  • รถได้รับความเสียหายหนัก และอาจต้องใช้หลักฐานจากที่เกิดเหตุ
  • ไม่แน่ใจว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือผิด ต้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยประเมิน
  • คู่กรณีไม่มีประกัน หรือต้องการให้บริษัทประกันเจรจาแทน

ขั้นตอนการเคลมสด

  • หยุดรถ และตรวจสอบความปลอดภัยของตนเองและคู่กรณี
  • โทรแจ้งบริษัทประกันภัย โดยแจ้งข้อมูลเบื้องต้น เช่น สถานที่เกิดเหตุ ทะเบียนรถ และลักษณะอุบัติเหตุ
  • รอเจ้าหน้าที่สำรวจภัย (Surveyor) เดินทางมาที่เกิดเหตุ
  • เจ้าหน้าที่ บันทึกเหตุการณ์ และออกใบเคลม (ใบรับรองความเสียหาย)
  • นำรถเข้าศูนย์ซ่อมหรืออู่ที่อยู่ในเครือบริษัทประกัน

ข้อดีของเคลมสด

ลดข้อพิพาท เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่เป็นพยาน ได้รับเอกสารเคลมถูกต้องและรวดเร็ว และป้องกันการถูกเอาเปรียบหากคู่กรณีปฏิเสธความรับผิดชอบ

ข้อเสียของเคลมสด

  • อาจต้องใช้เวลารอเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ
  •  ต้องเคลียร์เส้นทางจราจร หรือรอในจุดที่ปลอดภัย

เคลมแห้ง (เคลมภายหลัง)

เคลมแห้ง คืออะไร?

เคลมแห้ง คือ การแจ้งเคลมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์โดยที่ไม่มีคู่กรณี หรือเป็นความเสียหายเล็กน้อยที่สามารถแจ้งซ่อมภายหลังได้

กรณีที่สามารถใช้เคลมแห้งได้

  • รถมีรอยขีดข่วน รอยบุบ จากการเฉี่ยวชนสิ่งของที่ไม่มีคู่กรณี เช่น เสา กำแพง ฟุตบาท
  • รถถูกขูดขีด รอยบุบจากการจอดรถ เช่น ถูกชนแล้วหนี
  • ความเสียหายที่ไม่ได้เกิดขึ้นทันที หรือเจ้าของรถต้องการรวบรวมรอยต่างๆ แล้วเคลมพร้อมกัน
  • รถถูกน้ำท่วม หรือเกิดเหตุที่ไม่สามารถแจ้งเคลมได้ทันที

ขั้นตอนการเคลมแห้ง

  1. ตรวจสอบความเสียหาย และจดบันทึกเวลา สถานที่ ที่เกิดเหตุ
  2. โทรแจ้งบริษัทประกัน เพื่อนัดหมายการนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์ประกันภัย หรืออู่ซ่อม
  3. นำรถเข้าตรวจสอบ ที่ศูนย์ประกัน หรือศูนย์บริการของบริษัทประกัน
  4. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหาย และออกเอกสารใบเคลม
  5. นำรถเข้าซ่อมตามวันเวลาที่ได้นัดหมาย

ข้อดีของเคลมแห้ง

สะดวก ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุ สามารถรวบรวมรอยขีดข่วนหลายจุด และเคลมพร้อมกันได้ เหมาะสำหรับกรณีที่ไม่มีผลกระทบต่อการใช้งานของรถยนต์

ข้อเสียของเคลมแห้ง

  • อาจต้องรอคิวนัดหมายเข้าตรวจสอบที่ศูนย์ประกัน
  • อาจมีปัญหาเรื่องการพิสูจน์ความเสียหาย หากแจ้งเคลมล่าช้า

ตารางเปรียบเทียบ เคลมสด vs เคลมแห้ง

รายการเปรียบเทียบ เคลมสด (แจ้งเคลม ณ จุดเกิดเหตุ) เคลมแห้ง (แจ้งเคลมภายหลัง)
มีคู่กรณี ✅ เหมาะสม ❌ ไม่สามารถทำได้
ความเสียหายเล็กน้อย ❌ ไม่จำเป็นต้องเคลมสด ✅ เหมาะกับรอยขีดข่วน หรือบุบเล็กน้อย
ต้องการเอกสารยืนยันจากบริษัทประกัน ✅ มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ❌ ต้องไปที่ศูนย์ประกันหรืออู่
ระยะเวลารอคอย ⏳ รอเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ⏳ อาจต้องนัดหมายเข้าศูนย์ประกัน
ความยุ่งยากในการเคลม 🟡 อาจยุ่งยากขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุหนัก 🟢 สะดวก ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 🟢 ปกติไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 🟡 อาจมีค่าใช้จ่ายหากพ้นกำหนดเวลาเคลม

ระยะเวลาในการเคลมประกันรถยนต์

      ระยะเวลาในการเคลมประกันรถยนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของการเคลม ความเสียหายของรถ ขั้นตอนของบริษัทประกัน และความพร้อมของอู่ซ่อม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ระยะเวลาเคลมสด vs เคลมแห้ง, ระยะเวลาการพิจารณาเคลม, และระยะเวลาการซ่อมรถ

เอกสารที่ต้องเตรียมในการเคลมประกันรถยนต์

  • ใบขับขี่
  • สำเนาทะเบียนรถ
  • สำเนากรมธรรม์ประกันภัย
  • บัตรประชาชน
  • รูปถ่ายความเสียหายของรถยนต์

ข้อควรระวังและคำแนะนำ

  • ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย
  • แจ้งบริษัทประกันภัยทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • เก็บหลักฐานและข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน
  • เลือกอู่ซ่อมที่มีคุณภาพและอยู่ในเครือบริษัทประกันภัย
  • ติดตามความคืบหน้าการเคลมอย่างสม่ำเสมอ

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ