กอดให้แน่นขนาดไหน ถึงเวลาเขาก็ไปอยู่ดี
ตอนมา : เจ้ามาคนเดียว
ตอนไป : เจ้าก็ไปคนเดียว
ตอนมา : เจ้าอ่อนแอ
ตอนไป : เจ้าก็อ่อนแอ
ตอนมา : เจ้าไม่มีเงินทองข้าวของมากมาย
ตอนไป : เจ้าก็ไม่มีเงินทองข้าวของอะไรเลย
ตอนเจ้าอาบน้ำครั้งแรก มีคนอาบให้เจ้า ตอนเจ้าอาบน้ำครั้งสุดท้าย ก็มีคนอาบให้เจ้า
นี่คือ ความจริงของชีวิต !!!
แล้วทำไมมนุษย์เราจึงมีเต็มไปด้วย ความอาฆาตพยาบาท อิจฉาริษยา
เกลียดชัง ขุ่นเคือง หยิ่งทะนง โลภ และเห็นแก่ตัวมากมาย ขนาดนั้นไปทำไมกัน
เพราะตอนที่เราต้องจากไป เราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
มีแต่บุญและบาปเท่านั้น ที่จะติดตัวเจ้าไปสู่ภพใหม่
คำสอนสุดท้ายก่อนพระพุทธองค์ จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ตรัสสอนไว้ว่า “จงอย่าประมาท”
-
- อย่าประมาทในชีวิตว่าจะยืนยาว
- อย่าประมาทในวัยว่ายังหนุ่มยังสาว
- อย่าประมาทในสุขภาพว่ายังแกร่งกร้าว
- อย่าประมาทในเวลาว่ายังเหลือมากเกินจะกล่าว
- อย่าประมาทในธรรมะและบุญกุศลว่า “เอาไว้ก่อน วันหลังค่อยทำ”
ใครก็ตามที่ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท คนคนนั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้ใช้ชีวิตที่คุ้มค่าที่สุด
ส่วนใครก็ตามที่ประมาท พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นคนที่ ตาย ไปแล้วครึ่งตัว
คำถามสำคัญที่สุด ที่เราจะถามตัวเองก่อนจากโลกนี้ไป ก็คือ ท่านได้เตรียมตัวให้พร้อม
ต่อการจากลาโลกนี้ไปแล้วหรือยัง ?
มาตัวเปล่าแล้ว ก็ไปตัวเปล่า ตาย แล้ว เอาอะไรไปไม่ได้เลย
ตาย แล้วไปไหน คนเราเกิดมาทำไม จงอย่าประมาทในการใช้ชีวิตเลย !!!