การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก ไว้บริโภคในครัวเรือน
“การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก ไว้บริโภคในครัวเรือน” ปลาดุกอุย หรือ ปลาดุกนา หรือ ปลาอั้วะชื้อ อังกฤษ : Broadhead catfish ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน ลำตัวมีสีดำปนเหลือง มีจุดขาวเล็กๆ เรียงเป็นแถวขวางลำตัวหลายแถว มีครีบหลังสูงกว่าปลาทั่วไปมาก สามารถเคลื่อนที่บนบกได้เป็นระยะทางสั้นๆ โดยใช้ครีบช่วย พบได้ในพื้นที่แถบประเทศไทยไปจนถึงเวียดนาม และมีการนำไปเลี้ยงในประเทศจีน, มาเลเซีย, เกาะกวม และ ฟิลิปปินส์
ลักษณะโดยทั่วไป
ปลาดุกเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด น้ำที่ค่อนข้างกร่อย หรือแม้แต่ในหนองน้ำที่มีน้ำเพียงเล็กน้อย เพราะว่าปลาดุกเป็นปลาที่มีอวัยวะพิเศษช่วยในการหายใจเช่นเดียวกับปลาช่อนจึงสามารถมีชีวิตอยู่ในน้ำที่มีออกซิเจนเพียงเล็กน้อยได้ เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นปลาน้ำจืดที่คนไทยนิยมรับประทาน ปลาดุกจะพบได้ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศอินเดีย พม่า ไทย ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และมาเลเซีย สำหรับประเทศไทยพบปลาดุกในคลอง หนอง และ บึง ต่างๆ ทั่วทุกภาค เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้าจืดทั่วไป ปลาดุกที่รูปจักกันดีในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือปลาดุกอุย และ ปลาดุกด้าน แต่ปลาดุกที่นิยมเลี้ยงคือ ปลาดุกด้าน เพราะเนื้อปลาดุกด้านค่อนข้างแข็ง ทำให้สามารถขนส่งได้ในระยะทางไกลๆ ประกอบกับปลาดุกด้านเลี้ยงง่าย โตเร็ว จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาก แต่สำาหรับผู้บริโภคแล้ว จะนิยมปลาดุกอุย เพราะให้รสชาติดี เนื้อปลานุ่ม ฟู กลิ่นดี ดังนั้นการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยในบ่อพลาสติก เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะส่งเสริมและพัฒนาครอบครัวที่ยากจนไม่ให้ขาดแคลนอาหารโปรตีน
ปัจจุบันปลาดุกเป็นที่นิยมเลี้ยงของเกษตรกรเนื่องจากเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว อีกทั้งยังทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อม เป็นที่นิยมบริโภคของประชาชนเนื่องจากรสชาติดี และราคาไม่แพง สามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ และบ่อพลาสติก ถ้ามีพื้นที่ จำกัด การเลี้ยงในบ่อพลาสติกก็เป็นทางเลือกที่ดี และประหยัด โดยที่ในบ่อพลาสติกจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3 – 5 ปี
วัตถุประสงค์ในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก
- เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนลดรายจ่ายในครัวเรือน โดยการเลี ยงปลาเพื่อเป็นอาหารบริโภคเอง
- เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
- เป็นการพัฒนาอาชีพการลี ยงปลาแบบพอเพียงไปสู่ระบบการเลี ยงปลาเชิงพาณิชย์
- ให้มีอาหารโปรตีนจากปลาบริโภคในครัวเรือน
ข้อดีของการเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก
- ใช้พื้นที่เลี้ยงน้อย และสามารถเลี้ยงได้ทุกพื้นที่
- การก่อสร้างบ่อเลี้ยงง่าย สะดวกและรวดเร็ว
- ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงสั้น แต่ละรุ่นใช้เวลาเลี้ยงเพียง 90 – 120 วัน
- ปลาดุกเป็นปลาที่อดทนต่อสภาพน้ำได้ดี
- ปลาดุกสามารถเลี้ยงและดูแลรักษาได้สะดวก นอกจากจับมาบริโภคในครัวเรือนแล้วส่วนที่เหลือก็นำไปขายเป็นสการสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว
การเลือกสถานที่ในการสร้างบ่อ สำหรับเลี้ยงปลาดุก
- อยู่ใกล้บ้าน
- อยู่ที่ร่มหรือมีหลังคา
- มีแหล่งน้าสำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำได้สะดวก
ขั้นตอนการทำบ่อ
- ขุดบ่อขนาด 2 x 4 เมตร ความลึก 1 เมตร
- ใช้ผ้าพลาสติกปูบ่อให้เต็มเพื่อป้องกันน้ำซึมออก
- นำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ทำขอบบ่อและเสาเพื่อทำที่กันแดด
- เติมน้ำลงไปให้เต็มบ่อ
- เตรียมอาหารโดยวิธีการปรุงน้ำ โดยใช้น้ำหมักชีวภาพ เพื่อเป็นการสร้างแหล่งอาหารให้ลูกปลาวัยอ่อน
ที่นำมาปล่อย ปล่อยปลา บ่อละ 300 – 500 ตัว (40 – 80 ตัวต่อตารางเมตร)
พันธุ์ปลาดุกที่นิยมเลี้ยง
- พันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย
เลี้ยงง่าย โตไว ทนทานต่อสภาพอากาศของบ้านเราได้ดี ปลาดุกบิ๊กอุยเกิดจากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ปลาดุกอุยเพศเมีย และปลาดุกเทศเพศผู้ มีลักษณใกล้เคียง กับปลาดุกอุยมาก การเพาะขยายพันธุ์นั้นให้ผลค่อนข้างดี จึงมีอัตราการเจริญเติบโตรวดเร็ว ทนทานต่อโรคสูง
“การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก”
- พันธุ์ปลาดุกอุย
ลักษณะเด่นที่เติบโตเร็วและทนทานต่อโรคสูงไม่เป็นโรคง่าย จึงนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ปลาดุกอุย เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างปลาดุกอุยเพศเมีย และปลาดุกอุย เพศผู้ ไม่ได้ข้ามสายพันธุ์เหมือนปลาดุกบิ๊กอุย จึงทนทาน โรคกว่า แต่ขนาดอาจจะไม่เท่ากันปลาดุกบิ๊กอุย - พันธุ์ปลาดุกรัสเซีย
มีลักษณะลำตัวยาวครีบหลังและครีบก้นยาว ลำตัวด้านบน มีสีน้ำตาลคอมเหลือง และมีลายแต้มแบบลายหินอ่อน บนลำตัว แก้มและท้องสีจาง ขนาดเมื่อโตเต็มที่ยาวได้ถึง 1.7เมตร ซึ่งเป็นปลาพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา ประเทศไทย ได้นำเข้ามาในปีพ.ศ.2528 โดยเอกชน - พันธุ์ปลาดุกนา
เป็นปลาพื้นเมืองทนทานต่อโรคมาก ไม่ต้องดูแลมากก็ สามารถเติบโตได้ดี รสชาติอร่อย เนื้อแน่น กลิ่นหอมกว่า ปลาดุกพันธุ์ แต่ขนาดยังเป็นรองอยู่ นิยมเลี้ยงกันในครัวเรือน เนื่องจากหาพันธุ์ง่าย
การเตรียมพันธุ์ปลาและการปล่อยปลา
-
- ควรจัดซื้อพันธุ์ปลาจากฟาร์มที่เชื่อถือได้
- ปลาที่ปล่อยควรมีขนาดใกล้เคียงกัน
- ก่อนปล่อยปลาควรปรับอุณหภูมิน้าในถุงบรรจุปลา โดยลอยถุงปลาในบ่อ 20-30 นาที แล้วจึงค่อยปล่อยปลาลงในบ่อ
วิธีการเลี้ยง
- ขนาดปลาที่จะนำมาเลี้ยง ควรมีขนาดความยาวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร ขึ้นไป ไม่ควรนำปลามาเลี้ยงในฤดูหนาว เพราะปลามีความต้านทานต่อโรคต่ำ
- อัตราการเลี้ยง ปล่อยลูกปลาในอัตรา 100 ตัว/ตารางเมตร
- การปล่อยปลา ควรแช่ถุงลูกปลาไว้ในบ่อเลี้ยง 30 นาที จึงค่อยๆ ปล่อยลงบ่อ ในช่วงแรกที่ปล่อย ให้เติมน้ำลงบ่อมีความสูงประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วค่อยเพิ่มระดับน้ำขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกๆ อาทิตย์ จนมีระดับสูงสุด 30 – 50 เซนติเมตร
การจัดการน้ำในบ่อเลี้ยง
ในช่วงแรกที่ปล่อยปลา ให้เติมน้ำลงในบ่อให้มีความสูงประมาณ 30 ซม. แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับน้ำขึ้นไปเรื่อๆ จนมีระดับสูงสุด 50-70 ซม. ระหว่างการเลี้ยงปลา ให้ใช้ EM สาดให้ทั่วบ่อ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อบำบัดน้ำ ซึ่งการเลี้ยงแบบนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำตลอดระยะเวลาการเลี้ยง
การให้อาหาร
-
- เริ่มแรกให้อาหารเม็ดเล็กและบุบพอแตกสำหรับปลาเล็ก อาหารสดพวกเศษเนื้อสับให้ปลากินได้ตัวปลวก แมลงเม่าและแมลงอื่น ๆ โปรยให้ปลากิน ควรให้อาหารเป็นเวลา วันละ 2 มื้อ เช้า-เย็น ไม่ควรให้อาหารปลามากเกินไปเพราะจะทำให้น้าเน่าเสีย
- เมื่ออากาศครึ้มหรือฝนตก งดให้อาหารปลา
การให้อาหาร ผู้เลี้ยงต้องอาศัยการสังเกต ตรวจสอบพฤติกรรมการกินของสัตว์น้ำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับเปลี่ยนปริมาณและความถี่ของการให้อาหารให้ถูกต้องเหมาะสม
สำหรับปลา เมื่อให้อาหารแล้วอาหารที่ให้ควรหมดภายในเวลา 15 – 20 นาที ดังนั้น พื่อให้ง่ายในการปฏิบัติควรสังเกตจาก มื้อแรกที่ให้อาหารแล้วปรับปริมาณการให้ทุก 7 วัน เช่น มื้อแรกให้อาหารปลา ประมาณ 300 กรัม
ถ้าภายใน 20 – 30 นาที ปลากินหมด แสดงว่าอาหารไม่พอ ให้เพิ่มอาหารเล็กน้อย
ถ้าภายใน 20 – 30 นาที ปลากินไม่หมด ให้ลดอาหารลง
เมื่อครบ 7 วัน ให้ปรับอาหารใหม่ เพิ่มอีก 50 กรัม เป็น 350 กรัม จนครบ 7 วัน ให้ปรับการให้อาหารอีก คือ ปรับเพิ่มอาหารทุก 7 วัน
ผลผลิต
– ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 3 – 4 เดือน ได้ปลาขนาด 100 – 250 กรัม/ตัว
– อัตรารอดประมาณ 80 – 95 % ได้ผลผลิตปลา ประมาณ 30-50 กก/บ่อ
– คิดเป็นมูลค่า (กก. ละ 30 บาท) 900-1,500 บาท
การทำอาหารปลาดุก
ส่วนผสม
-
- รำละเอียด 2 กระสอบปุ๋ย
- กากมะพร้าว 1 กระสอบปุ๋ย
- ปลาป่น 6 กิโลกรัม
- กากถั่วเหลือง 6 กิโลกรัม
- จุลินทรีย์ EM 1 ลิตร
- กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
- น้ำมันพืช 1 – 2 ลิตร
วิธีการทำ
1. นำส่วนผสมข้อ 1 1 กระสอบ ข้อ 2,3,4 คลุกให้เข้ากัน
2. นำส่วนผสม ข้อ 5,6 ผสมน้า 20 ลิตร เพื่อคลุกเคล้าส่วนผสม ข้อ 1 หมักไว้ 12 ชั่วโมง
3. นำส่วนผสมที่หมักไว้ในข้อ 1,2 ผสมกับรำละเอียด 1 กระสอบและน้ามันพืช 1 – 2 ลิตร คลุกเคล้านำเข้าเครื่องอัดเม็ดผึ่งแดด 2 วัน เก็บไว้ได้ 2 เดือน
เกร็ดความรู้
- การซื้อพันธุ์ปลาก่อนการเคลื่อนย้ายให้ปลาอดอาหาร 1 – 2 วัน เพื่อป้องกันปลาดิ้นและทำให้ปลาไส้ขาดเวลาเลี้ยงปลาจะไม่โต
- การเคลื่อนย้ายปลาให้เตรียม น้ำมันพืช 30 ซีซี : เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันตักใส่ในถุงหรือที่มีพันธุ์ปลา อยู่ประมาณ 1 ช้อนชา เพื่อป้องกันปลาบาดเจ็บ
- การป้องกันปลาหนีจากบ่อเวลาฝนตก ใช่วิธีหากมีฝนตกให้หว่านอาหารให้ปลากิน สัก 2 – 3 ครั้ง เพื่อหลอกว่าเวลาฝนตกจะได้กินอาหารแล้วปลาจะไม่หนี
- การเปลี่ยนถ่ายน้ำให้ดูดน้ำออก 1 ส่วน ใน 3 ส่วน และนำน้ำที่ใส่ใหม่ให้ทำเป็นละอองฝอยโดยใช้สายยางเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่ปลา
- การจับปลาเพื่อบริโภคโดยใช้วิธีใช้สายยางฉีดน้ำเหมือนกับฝนตกปลาจะเล่นน้ำจากนั้นใช้สวิงตักปลา ที่เล่นน้ำทันที ปลาจะไม่รู้สึกถึงอันตรายและจะกินอาหารต่อและไม่หนี้
โรคปลาดุก
ในกรณีที่มีการป้องกันอย่างดีแล้วแต่ปลาก็ยังป่วยเป็นโรค ซึ่งมักจะแสดงอาการให้เห็น โดยแบ่งอาการของโรคเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี
- การติดเชื้อจากแบคทีเรีย จะมีการตกเลือด มีแผลตามล้าตัวและครีบ ครีบกร่อน ตาขุ่น หนวดหงิก กกหูบวม ท้องบวมมีน้ำในช่องท้องกินอาหารน้อยลงหรือไม่กินอาหาร ลอยตัว
- อาการจากปรสิตเข้าเกาะตัวปลา จะมีเมือกมาก มีแผลตามล้าตัว ตกเลือด ครีบเปื่อย จุดสีขาวตามลำตัว สีตามลำตัวซีดหรือเข้มผิดปกติเหงือกซีดว่ายน้ำทุรนทุราย ควงสว่านหรือไม่ตรงทิศทาง
- อาการจากอาหารมีคุณภาพไม่เหมาะสม คือ ขาดวิตามินบี กะโหลกร้าว บริเวณใต้คางจะมีการตกเลือด ตัวคด กินอาหารน้อยลง ถ้าขาดวิตามินบีปลาจะว่ายน้ำตัวเกรงและชักกระตุก
- อาการจากคุณภาพน้ำในบ่อไม่ดี ปลาจะว่ายน้ำขึ้นลงเร็วกว่าปกติลอยหัวครีบกร่อนเปื่อย หนวดหงิก เหงือกซีดและบวม ลำตัวซีด ไม่กินอาหาร ท้องบวม มีแผลตามตัว
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ